ทริปแสมสาร 3วัน2คืน ทรหดอดทน (มีคลิปวิดีโอ)

ทริปแสมสาร 3วัน2คืน ทรหดอดทน (มีคลิปวิดีโอ)

นี่เป็นเรื่องราวของเด็กนักเรียน ม.6 จำนวนห้าชีวิตที่ใช้เวลาช่วงปิดเทอมหกเดือนก่อนขึ้นมหาลัยให้เป็นประโยชน์... เที่ยวทะเล ผมเรียกมันว่าการเก็บประสบการณ์

ทริปนี้ตั้งแต่แรกเพื่อนชวนไปหลีเป๊ะ แล้วมันก็ย่อมาเรื่อยๆน่าจะเป็นเพราะผมจนสุดท้ายเหลือแค่แสมสาร (สะ-แหม-สาร) เริ่มแรกเราก็วางแผนเรื่องที่พักและการเดินทาง

ที่พักตอนแรกเราแพลนกันว่าไปพักกันที่ บ้านดิน หาดนางรำ แต่มันเต็มครับ ก็เลยต้องโทรหาที่อื่น ปรากฏแถวนั้นเต็มหมดเลย พวกบ้านของราชการ เราเลยไปเจอกับ วราสินทร์ รีสอร์ท ซึ่งราคาค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับที่อื่น ส่วนเรื่องการเดินทาง ขาไปพวกผมจะไปกับรถของแม่ผม พอดีแม่ไปแถวนั้นพอดี ลงที่ตลาดนาเกลือ แล้วต่อรถสองแถวไปเรื่อยๆ

ของที่เตรียมไปก็ไม่มีอะไรมาก เสื้อผ้าสำหรับสามวันสองคืน เครื่องใช้ส่วนตัว กล้องกันน้ำ

คืนก่อนไปตื่นเต้นมาก (ฮา) เพราะไม่เคยไปอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

วันที่หนึ่ง

วันไปก็ตื่นกันแต่เช้า หมายถึง ผมตื่นแต่เช้า นัดเจอเพื่อนที่ BTS วุฒากาศกันตอน 6.30 นาฬิกา ครับ กว่าจะครบก็ 7.30 นาฬิกา

เดินทางจาก กทม. สู่ พัทยา ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ รถเก๋งกับเด็ก 5 ผู้ใหญ่ 1

ถึงประมาณเก้าโมงกว่าๆ ก็หาข้าวเช้ากินกันก่อน มื้อแรกของทริปนี้เป็นข้าวหน้าเป็ด ร้านอยู่ในห้องแอร์ ใกล้ๆสวนสาธารณะลานโพธิ์

กินเสร็จก็เดินทางต่อกัน ไปขึ้นรถสองแถว สัตหีบ - นาเกลือ รถจะเริ่มจากแถวตลาดนาเกลือ สามารถถามคนแถวนั้นได้

ค่ารถ 25 บาท เดินทาง 45 นาทีก็ถึงสัตหีบ รถจะไปจอดที่ปลายทางเป็นตลาดสัตหีบ พวกเราก็เดินทางกับห้าคน หาของกินกันก่อน เซเว่นครับร้านยังชีพคู่ใจ

จากนั้นต่อรถสองแถวไปที่แสมสารต่อ โดยรถจากเริ่มจากตลาดสัตหีบ ก็จุดเดียวกับที่ลงรถจากพัทยานั้นแหละ ไปลงที่ชุมชนแสมสาร โดยจะผ่านวราสินทร์พอดี

ค่ารถครั้งนี้ 20 บาท ไม่นานมาก ขอให้เขาจอดที่หน้าวราสินทร์เลยก็ได้ คนขับใจดีครับ จากนั้นก็เข้าไปเช็คอิน

รีสอร์ทร่มรื่นดี มีสระว่ายน้ำ ห้องก็อยู่กันห้าคนไม่อึดอัด ในห้องมีเครื่องเล่น DVD ให้ใช้ สามารถเปิดดูได้ ถ้าไม่มีแผ่นก็ขอยืมจากเคาน์เตอร์เช็คอินได้ พนักงานใจดีครับ พูดคุยอัธยาศัยดีมาก :)

หลังจากนอนเล่นกลิ้งไปมาเสร็จก็ออกเดินทางไปหาดน้ำใส จากวราสินทร์ รีสอร์ท ไป หาดน้ำใส เส้นทางที่ใกล้สุดระยะทาง 3 กิโลเมตร ก็ตอนแรกคิดว่าจะเดินเอา แต่ลองเดินจริงก็เปลี่ยนใจ ทางค่อนข้างอันตราย เพราะกว่ารถแถวนั้นวิ่งเร็วมาก ถึงมากที่สุด

อันที่จริงจากวราสินทร์ เดินข้ามถนนไปก็มีทางลงเล่นทะเล แต่ว่าหาดฝั่งนี้จะไม่สวยเท่ากับฝั่งหาดน้ำใส หาดนางรำ ซึ่งพวกหาดน้ำใสและหาดนางรำจะอยู่ในเขตทหาร ต้องผ่านด่านนิดหน่อย

ระหว่างรอรถก็มีคุณลุงใจดีมากคนหนึ่งเดินมาหาพวกเราห้าคนกัน สอบถามไปมาก็กลายเป็นคุณลุงอาสาพาไปที่หาดน้ำใสให้ กราบขอบพระคุณมาก คุณลุงก็ให้เพื่อนแถวนั้นพาไปส่งให้ ระหว่างรอก็คุยกันก็รู้ว่าก่อนพวกเรามาก็มีสองสาวมาเที่ยวและเดินทางแบบนี้เหมือนกัน

จากจุดนั้นมาส่งได้แค่หน้าด่านเข้าฐานทัพเรือเขตทหาร เพราะต้องใส่หมวกกันน็อคซึ่งพี่ที่มาส่งเราไม่ได้ใส่ เราก็ไม่เป็นไรก็กล่าวขอบคุณ Thank you 3 times ไป แล้วกะว่าจะเดินเข้าไป เพราะจากด่านก็เข้าไปอีกกิโลเดียวเดินห้านาทีก็ถึงละ

ระหว่างเดินเข้าด่าน ก็ดันโดนทหารกักตัวครับ เพราะชูสามนิ้ว เอ้ย! ไม่ใช่ ทหารเขาถามว่าจะไปไหน พวกเราก็จะไปหาดน้ำใสกัน ด้วยความโชคดีหรือความใจดีของคนแถวนั้นก็ไม่รู้ ทหารคนนั้นก็เลยอาสาพาผมไปส่งให้ที่หาดน้ำใส กราบขอบคุณงามๆอีกครั้งได้ไหมนี่ ;w;

อาศัยมอเตอร์ไซค์ทหารไป นั่งได้ทีละสองคนก็สามรอบ และแล้วเราก็ถึงหาดน้ำใส จังหวะนั้นเรื่องถ่ายภาพนี่ไม่ได้อยู่ในหัวเลยครับ ทะเลๆๆๆๆ จะเล่นน้ำอย่างเดียว เราเตรียมตัวมาแล้วไง ชุดว่ายน้ำอยู่ด้านในถอดเสื้อโดดลงทะเลได้เลย

ขอบอกเลยว่าน้ำใสมาก เพราะขนาดยืนอยู่จนน้ำถึงคอ ยังเห็นเท้าชัดอยู่เลย น้ำไม่แรงมาก ซัดเบาๆ หาดทรายสีขาว คนไม่ได้เยอะจำน่ารำคาญ #ชีวิตดี้ดีย์ ถ้าได้มาตั้งแต่บ่ายๆจะดีมาก จะเล่นให้ตัวดำไปเลย

ตอนลงไปเล่นก็สี่โมงครึ่งละ เลยเล่นได้ไม่นาน ก็อาบน้ำล้างตัว บริเวณชายหาดมีห้องน้ำให้ ร้านขายของอะไรก็มี ร้านอาหารก็มี แต่พวกเราไม่ได้ซื้อกัน

ตอนกลับ ขามาพี่ทหารได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ ให้โทรเรียกได้ตอนกลับ พวกผมก็กะว่าออกไปหน้าด่านแล้วเดินกลับละกัน แต่ตอนโทรคุยพี่ทหารเขาก็อาสาไปส่งให้ถึงที่พักเลย ปริ่มครับ น้ำตาจิไหล ;w;

กราบขอบพระคุณมากเลยนะครับ อ่า อันที่จริงแถวชุมชนแสมสารจะมี 7-11 อยู่ร้านนึง ไม่ต้องกลัวขาดอาหาร

กลับถึงที่พักก็เดินไปหาของกิน อันที่จริงทางรีสอร์ทให้เบอร์ร้านอาหารแถวนั้นไว้ให้แล้ว ซึ่งถ้าต้องการโทรสั่งก็ทำได้ แต่กลัวว่าอยากกินพวกต้มยำ มันจะส่งยังไง เลยตัดสินใจเดินไปกิน

ร้านหาดสีทอง อยู่เลยวราสินทร์ รีสอร์ท ไปทางชุมชนแสมสารไม่ไกลมาก เดินไปแปปเดียวถึง อันที่จริงร้านนี้เป็นออกแนวร้านนั่งดริ๊ง สาวๆบริการก็แต่งตัวเซ็กซี่หน่อย แต่คือพวกผมนี่แบบเด็กน้อยใสใส ไม่กินเหล้า พี่พนักงานบางคนที่แต่งตัวโชว์สะดือเลยต้องเดินไปใส่เสื้อยืดดำแทน อันนี้ผมไม่เห็น แต่เพื่อนผมเห็นอีกที

ร้านอาหารราคาไม่แพง เมนูทั่วไปอยู่ที่ 150 บาท แต่พวกกระพงจะอยู่ที่ 300 บาท ส่วนปลาอื่นๆก็ประมาณ 200 บาท

อาหารเยอะ คุ้มครับ กินแล้วแน่นท้อง มื้อแรกมี ทอดมัน กุ้งชุบแป้งท้อง ต้มยำปลาเก๋า สามอย่างก็อิ่มละ กินกันห้าคน ตกคนละร้อยกว่าบาทครับ

กินเสร็จข้ามถนนไปอุดหนุนลุงที่ไปส่งเราหน่อย ลุงขายผลไม้ครับ ก็สับปะรดนิด ฝรั่งหน่อย เพื่อนอีกคนก็ซื้อมันฝรั่งเสียบไม้ ของกินพอมีเยอะอยู่ครับ

ช๊อปปิ้งวิถีท้องถื่นเสร็จก็เดินกลับที่พัก แต่ต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะรถแถวนี้วิ่งเร็วมาก อีกทั้งไม่ค่อยมีไฟตามทางมากเท่าไหร่

กลับมาเล่นไพ่กัน แล้วอาบน้ำนอนถือเป็นอันจบวัน :D

วันที่สอง

ผมกับเพื่อนอีกคนนัดกันตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะตื่นเช้าก่อนเพื่อนเพื่อรีบไปจองตั๋วเที่ยวเกาะแสมสาร เพราะจากการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตพบว่าเต็มเร็วมาก บางครั้งมาตั้งแต่ 8 โมงเช้าก็เต็มแล้ว เพราะบางวันทัวร์ลง เราเลยไปกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ตอนเช้าก็โทรขอให้พี่ทหารพาไปส่งให้หน่อย พี่เขาก็ไม่ว่าอะไร เป็นอีกครั้งที่ต้องขอบคุณมากครับ ตอนพวกเราไปก็ประมาณ 7.30 ละ แต่เปิดขายตั๋วตอน 8.40 แหน่ะ แต่ตอนนั้นก็เปิดให้จองคิวซื้อตั๋วละ ก็ลงชื่อจองไว้แล้วไปเดินเล่นแถวนั้น

หลังอาคารจองตั๋วจะมีทางเดินดูธรรมชาติอยู่ ก็เดินเล่นรอได้ เดินไปถึงทางขึ้นเรือ มีร้านอาหาร และร้านกาแฟ ผมกับเพื่อนเลยไปนั่งแช่ร้านกาแฟ ในร้านก็ขายกาแฟสด และขนม ผมซื้อกินอันนึงอร่อยมาก เป็นแท่งขนมปังกรอบคลุกกับทุเรียนอบกรอบและน้ำตาล อร่อยมาก กล่องละสี่สิบ แนะนำให้ไปโดนได้

8.40 ละเดินไปซื้อตั๋ว โชคดีครับได้รอบแรก 9.00 นาฬิกาครับ แต่ครับ... ผมต้องการรอบ 11.00 ครับ เพราะเพื่อนยังไม่ตื่นกันเลย แล้วไงละทีนี้ ซวยไงครับ ต้องขอให้พี่ทหารที่ดูแลเรื่องตั๋วสลับเปลี่ยนตั๋วให้ ซึ่งปัญหาอีกอย่างก็คือ ต้องหาคนที่ซื้อตั๋วห้าใบเหมือนผม เพราะทางเกาะจำกัดคนเข้าไป เรือก็จำกัดคน เลยต้องเป๊ะเรื่องคน ในที่สุดก็ได้รอบ 10.00 มา ก็ขอบคุณคนที่แลกกับผมมาก ถึงแม้ไม่ได้ 11.00 ก็ยังดีที่ได้ช้าไปอีกหน่อย

จากนั้นก็รอพี่ทหารไปส่งที่พักแต่ระหว่างรอ เหมือนโชคลอยมาเข้าข้าง ผมเห็นกลุ่มสาววัยรุ่นห้าคนเดินเข้ามาพอดี จะมาซื้อตั๋ว บวกกับได้ยินแว่วๆว่ารอบ 10.00 หมดแล้ว ตั๋วต่อไปเป็น 11.00 ผมก็เลยเนียนๆเดินไปฟังใกล้ๆกลุ่มสาวๆ เหมือนก็ใช่แหะ เพราะกลุ่มนั้นกำลังบ่นว่าต้องรออีกสองชั่วโมง เข้าทางผมสิ ผมเลยทำเท่ๆเดินเข้าไปหา อะแฮ่มๆ แลกตั๋วกันไหมครับ ครับ! ได้ตั๋วรอบ 11.00 ในทันที (ฮา)

จากนั้นก็กลับที่พักกินข้าวเช้า ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีใครกินข้าวเลย พึ่งอาบน้ำกันเสร็จ ก็ไปกินด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ อาหารเช้าวันแรกของรีสอร์ทเป็นข้าวต้มรวมมิตรทะเล เพื่อนคนนึงมันตื่นตาตื่นใจกับหอยเชลล์ในข้าวต้มมากครับ (ฮา)

กินเสร็จ ผมก็รีบอาบน้ำ และค่อยๆทยอยไปท่าเรือกัน ผมกับเพื่อนที่ไปซื้อตั๋วก็ขอไปรอบสุดท้าย เพราะยังไม่ได้อาบน้ำ

พอไปถึงเพื่อนๆที่ไปก่อนก็คนดีครับ ซื้อข้าวกล่องมื้อเที่ยงให้ละ เพราะบนเกาะแสมสารจะไม่มีร้านอาหารเลย เราต้องเตรียมของกินกันตั้งแต่บนแผ่นดินใหญ่ (ดูยิ่งใหญ่เนาะ)

จากท่าเรือเดินทางไปเกาะแสมสารไม่ถึงสิบห้านาที ขึ้นเกาะก็มีฟังบรรยายโดยทหารเรือนิดหน่อยก่อน ฟังก็ได้ไม่ก็ไม่เป็นไร

นั่งกินข้าวกล่องกันสักนิด (ไม่อร่อยเลย วันหลังใครไปอย่าซื้อร้านอาหารที่ติดกับสะพานขึ้นเรือนะครับ)

ปั่นจักรยานเล่น เสียค่าบริจาคสิบบาท นี้ไม่รู้บังคับไหม แต่คนดีอย่างพวกผมก็จ่ายครับ... ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นว่าจักรยานปั่นไปหาดลูกลมได้ แต่ตอนปั่นไปมันมีป้ายห้ามครับ ให้ปั่นได้แค่ทางที่ไปแถวหาดชายเลนอะไรนั้น

ก็เลยปั่นกลับมารอรถของทางกองทัพครับ กองทัพเรือจัดรถไว้ให้ในเกาะให้เราโดยสารไปมาได้สะดวก รถรอไม่นานครับอันนี้

ไปถึงหาดลูกลมเสร็จ ก็ต้องลงชื่อไว้สำหรับคนที่ต้องการดำดูปะการัง ทหารเขาจะมีเรือยางบริการเราไปดำน้ำครับ

ลงชื่อเสร็จก็ไปยืมอุปกรณ์ดำน้ำ อันนี้หยิบได้เลยไม่ต้องลงชื่อ

ระหว่างรอดำน้ำก็เล่นน้ำแถวนั้นแหละครับ มีเรือให้พายเล่น พายยากมาก ผมกับเพื่อนพยายามนะ แต่ไม่รอดเลย น้ำบริเวณหาดลูกลมไม่เหมือนที่หาดน้ำใส เพราะหาดลูกลมจะลึกกว่ามาก โปรดระวังอย่าไปไกล ลงน้ำไม่กี่ก้าวก็ครึ่งตัวละ

พอถึงคิวดำน้ำทหารก็จะเรียกชื่อครับ เราก็ไปเตรียมตัวที่จะขึ้นเรือยาง กรณีคนใช้สน็อกเกอร์ไม่เป็นทหารจะคอยสอนให้ครับอันนี้

นำเรือยางออกไปไม่ไกลมากก็ถึงจุดดำน้ำ ก็จัดครับ กระโดดลงไปได้เลย

น้ำใสมากครับ ปลาเยอะดี ปะการังก็มีครับ ถือว่าเป็นจุดดำน้ำที่ดีพอสมควร มีบางครั้งก็เกือบโดนปลาชนหน้า (ฮา)

จุดนั้นทหารจะให้ถอดเสื้อชูชีพเพื่อดำลงไปถ่ายรูปได้ครับ แต่ผมไม่กล้าอะ เลยขอถ่ายรูปแค่เท่าที่ทำได้

ตอนแรกเขาบอกให้ดำได้ 15 นาที แต่อันที่จริงเราจะดำนานแค่ไหนก็ได้ เพราะเขาจะคอยเรียกเองว่าใครอยากกลับไหม

ตอนกลับก็ปีนขึ้นจุดลงเรือ คล้ายๆโป๊ะ ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร

กลับเข้าชายหาดก็รอเตรียมขอรอกลับไปอีกฝากของเกาะ เพราะตอนพวกเรากลับมา ห้องน้ำแถวหาดลูกลมน้ำไม่ไหล

กลับไปถึงฝั่งที่ขึ้นเรือก็เข้าไปอาบน้ำ ตรงนี้น้ำเยอะครับ แต่อย่าอาบมาก เพราะน้ำมีจำกัด ทางทหารต้องให้เรือของกองทัพขนน้ำขึ้นมาที่เกาะทุกวันอันนี้ อาบแค่พอชำระล้างร่างกายพอ พวกสระผมอะไรพวกนี้ค่อยกลับไปสระก็ได้

ขึ้นเรือรอบ 16.30 กลับถึงท่าเรือเขาหมาจอ ก็เจอสองแถวพอดี โชคดีมากครับ กลับถึงวราสินทร์ จากแถวท่าเรือ ราคา 20 บาท ก่อนกลับก็ถามเรื่องการเดินทางไปขึ้นรฟท. ที่สถานีบ้านพลูตาหลวง ได้ใจความว่าต้องเหมารถไปสามร้อย เพราะไม่มีรถไปจากที่นี่ ลุงก็ให้เบอร์ไว้ โทรเรียกได้

วันที่สองเกือบหมดวันละ อาบน้ำเสร็จก็มานั่งเล่นไพ่ต่อ สรุปมาแค่เปลี่ยนที่นั่งเล่นกัน (ฮา)

พอตกเย็นก็เดินไปกินข้าวร้านเดิม รอบนี้เราพยายามนั่งกินกันสุดขอบร้าน ไม่ลำบากพี่ๆที่เขาต้องเสิร์ฟเหล้ากัน (ฮา)

มือเย็นมื้อสุดท้ายของทริปละ เลยสั่งเลย ปลาจาระเม็ดนึ่งซีอิ๊ว, ปลา(อะไรซักอย่างจำไม่ได้)ราดยำมะละกอ(มั้ง) ,ผักชุปแป้งทอด ,ทอดมัน

มื้อนี้หมดไปเฉลี่ยห้าคน คนละสองร้อยกว่า มื้อนี้แน่นครับ กินผักชุบแป้งทอดไม่หมด เลยห่อกลับไปกินที่ห้องพัก

สุดท้ายกลับมาผมเปิดดูเดี่ยวไมโครโฟน ยืมแผ่นมาจากที่เคาน์เตอร์เช็คอิน แล้วก็อาบน้ำ นอน...

วันสุดท้าย คิดในใจนอนไม่ได้เว้ย เดี๋ยวค่อยไปนอนบนรถไฟ ตื่นครับ ชวนเพื่อนเล่นไพ่กันต่อ (ฮา)

สรุปได้นอนเที่ยงคืนกว่า

วันที่สาม

ตื่นสายกันหน่อยวันนี้ไม่มีอะไร ตื่นเสร็จอาบน้ำกินข้าว วันนี้มื้อเช้าของรีสอร์ตเป็น American Breakfast กินเสร็จก็กลับห้องเล่นไพ่ต่อ!!

จากนั้นโทรเรียกรถสองแถว คือต้องการให้มาเที่ยง เพราะรถไฟออก 13.35 แต่สองแถวบอกเที่ยงไม่ว่าง งั้นมา 11.30 ละกัน ครับ สองแถวมาตอน 11.10 ผมนี้เก็บของไม่ทันเลย

สุดท้ายก็รีบๆเก็บกันแล้วเช็คเอาท์ออก ขอบคุณวราสินทร์ครับ ที่พักและพนักงานดีมาก

ตอนนั้นก็ขึ้นรถกลับละ บอกเลยรถสองแถวเร็วทะลุนรกมาก แซงรถทุกคันบนท้องถนน ถึงสถานีรถไฟ 11.30 อ้าวว นี่เวลาเรียกรถไม่ใช่รึ

ถึงสถานี ทุกคนไม่กินข้าวเที่ยงกัน เพราะข้าวเช้าพึ่งกิน ส่วนตั๋วรถไฟฟรีรับได้ตอน 13.00 เท่านั้น อ่ะ ทำไงได้ก็นั่งเล่นรอกันไป

การรับตั๋วรถไฟฟรีต้องใช้บัตรประชาชน แต่ตอนถึงเวลารับแล้วเขาไม่สนบัตรประชาชนเลยแหะ

รอรถไปเรื่อยๆ จนใกล้เวลาออกก็เดินไปซื้อน้ำซื้อขนมกันก่อนไปจองที่กันบนรถไฟ

นั่งตรงไหนก็ได้ (มั้ง) ก็ไม่รู้สิอันนี้ แต่เลือกนั่งไกลๆจากหัวขบวนเพราะหัวรถจักรเสียงดังมากอันนี้

13.35 รถออก ตรงเวลามากอันนี้ ชอบครับ

เดินทางเป็นเวลาห้าชั่วโมงก็จะถึงหัวลำโพง ระหว่างนั้นก็นั่งเล่น มองวิวข้างทาง มีผ่านส่วนที่เป็นภูเขา สวยอยู่ครับ เล่นไพ่ฆ่าเวลา (ไปทริปแล้วแล้วเล่นเป็นเลยไพ่จากไม่เคยเล่น) มีขายข้าวกล่องก็ซื้อกินกัน

รถไฟวิ่งเรื่อยๆเร็วบ้างช้าบ้าง จนเข้ากรุงเทพจะเริ่มช้าละเพราะเจอชุมชนและแยกต่างๆ ผ่านมักกะสัน ผ่านพญาไท สักพักก็ถึงหัวลำโพง

ถึงหัวลำโพง ห้าชั่วโมงนี้หน้ามันครับ ฝุ่นเกาะหน้ากันเยอะทีเดียว

ก็แยกย้ายกันไปกลับบ้าน ถือเป็นการจบทริปสามวันสองคืนแสมสารที่ทรหดกันทีเดียว อันที่จริงมันลำบากแค่เรื่องการเดินทางแหละครับ สำหรับคนมีรถน่าจะสะดวกสบาย ก็แนะนำ ใครอยากมาหารถเถอะครับ...

สรุปส่วนสำคัญ

  • พี่ทหารและคุณลุงขายผลไม้ใจดีมาก
  • เบอร์สองแถว สัตหีบ - แสมแสาร > 086-824-7422
  • สองแถวสัตหีบ - แสมสาร จะมาทุกชั่วโมงตามคำบอกของคนแถวนั้น ผ่านหน้าวราสินทร์ตอน 7.15 แปลว่าใช้เวลาสิบห้านาทีจากท่ารถสัตหีบ
  • 3G บนเกาะแสมสารชัดมาก ของ DTAC นะ แต่ค่ายอื่นก็น่าจะชัด
  • โปรดมีแผนสำรองกรณีไม่ได้ตั๋วแสมสาร เพราะบางวันอาจจะเต็มตั้งแต่ก่อนตื่นนอน

ปล. คลิปวิดีโอถ่ายสนุกๆระหว่างดำน้ำและเล่นทะเล