โชว์วิธีเท่ ๆ เที่ยวทริปเก้าวัดไงให้ได้วัดเดียว

ประมาณสี่วันก่อนวันนัดหมาย

เรา: อยากไปถ่ายรูปเล่นจังเลยยยย

เพื่อน: มาสิๆ มา

เรา: ไปไหนอะ

เพื่อน: ส่งรายชื่อวัดที่จะไป

เรา: จัดลำดับวัดอะไรเนี่ย เดี๋ยวเราจัดให้มา เดี๋ยวไปด้วยเลยละกัน

สรุปเสร็จสรรพนัดกันเก้าโมงเช้าที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มาแล้วให้โทรหา

ทั้งหมดเป็นจุดเริ่มต้นของการเที่ยวในครั้งนี้ครับ...

สี่วันต่อมา

ขณะนั้นเก้าโมงเช้าผมยังอยู่ที่ท่าเรือแถวบ้าน... กว่าจะถึงที่อนุฯก็ตั้งเกือบเก้าโมงครึ่ง เจอหน้าเพื่อนก็ต้องขอโทษขอโพยกัน (ปกติผมนี่ตรงเวลามากเลยนะ เลทมากๆก็สิบนาที) ครับ แต่ปัญหาไม่ใช่ผมที่มาสายแค่คนเดียว เพื่อนอีกคนนึงยังติดแหงกอยู่แถวบ้านอยู่เลย... เพื่อนบอกว่ารถติดมากไม่ขยับเลย ก็นะ... ไม่รู้ทำไงก็เลยไปหาอะไรกินกันก่อนเพราะเพื่อนบางคนที่มาแล้วยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ก็ไปนั่งกินข้าวมันไก่กันแถวนั้น

เกือบจะยี่สิบนาทีผ่านไปแล้ว เพื่อนอีกท่านหนึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะโผล่มาเลยก็เลยต้องโทรไปเรียนสอบถามกัน ครับ... เธอบอกว่าจากจุดที่โทรไปครั้งแรกยังขยับมาไม่เกินสามร้อยเมตรเลย! พวกเราก็คงจะพอทราบกันแล้วละครับว่าคงต้องหาอะไรทำรอล่ะ เพราะจากจุดที่เพื่อนคนนั้นมา (เดอะมอลล์งาม) มาอนุฯด้วยความเร็วเท่านั้นไม่ใช่เรื่องตลก

เปิดวงประชุมเร่งด่วน ไปไหนดีละ... สุดท้ายตัวผมก็เสนอให้เพื่อนๆไปที่หอศิลป์กัน เพราะมันมีนิทรรศการก็อยากชวนเพื่อนไปด้วย จากอนุฯก็นั่ง BTS ไปลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติเพื่อเข้าไปเดินเล่นหอศิลป์กัน

เดินวนไปวนมากัน ผมนี่อยากเดินดูเรื่อยๆนะครับ แต่เพื่อนผมไม่ค่อยชอบกัน ก็เลยเดินไปสลับคุยเล่นไปจนกว่าเพื่อนอีกคนจะมา

ครับ... กว่าเพื่อนอีกคนจะมาตอนนั้นก็เลยเวลาไปกว่าชั่วโมงแล้ว แต่ไม่ว่าครับ เราคนดีต้องให้กำลังใจเพื่อน สู้ต่อไปคราวหน้าอย่าเลทอีก! (เพราะเลทอีกผมขอกลับบ้านละ)

เพื่อนครบ ทุกอย่างครบ ได้เวลาเริ่มทริปจริงๆละ โดยวัดแรกที่เราจะไปคือวัดภูเขาทอง หรือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร นั้นเอง จากหอศิลป์ก็เดินทางด้วยรถแท็กซี่ นั่งกันห้าคน ไปถึงวัดก็ตกคนละ 11 บาทได้

เมื่อถึงวัดก็ไหว้พระอะไรนิดหน่อยแล้วเดินขึ้นภูเขาทอง

ด้วยอากาศที่อภิมหาสุดยอดร้อนของประเทศไทยอยู่แล้วผนวกรวมกับการเดินขึ้นบันไดด้วยทำให้ตอนนั้นเหมือนกำลังอบไอน้ำยังไงยังงั้นเลย เหงื่อนี่ท่วมตัวแหวะแหยะไปหมด แถมแดดแรงมากด้วยถึงแม้จะมีเมฆก็ตาม

ไม่นานก็เดินขึ้นไปถึงโบสถ์(เขาเรียกโบสถ์ปะ) ด้านบนสุด ตอนที่เข้าไปในโบสถ์นี่ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที เพราะด้านบนนั้นลมเย็นมาก แถมวิวสวยด้วย เห็นได้ทั้งกรุงเทพเลย!

ไหว้พระ นั่งพัก กินน้ำ อะไรเสร็จก็จะลงละแต่ดันเห็นว่ามันมีทางขึ้นไปอีก เขียนว่า ทางขึ้นสวรรค์ ก็รู้แหละว่าเป็นเจดีย์บนด้านบนแต่ก็คิดว่าร้อนมากเลยไม่อยากไป แต่ดันมีคุณป้าได้ยินเราคุยกันว่าจะขึ้นหรือไม่ดี เขาก็แนะนำให้ขึ้นไป เพราะถือว่ามาแล้วก็มาให้ครบ! อะ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจขึ้นกัน บันไดค่อนข้างชันและเพดานต่ำช่วงทางขึ้น

ก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่เจดีย์และวิวที่สวยมาก อ่อ! มีอีกอย่างครับ... Free WIFI อันนี้ไม่ได้พูดเล่นนะ มันมีจริงๆ

คือก็เข้าใจนะว่าเป็นการเข้ากับยุคสมัย ที่ท่องเที่ยวระดับนี้ก็ควรจะมี Free WIFI แต่... ทำไมมามีอะไนด้านบน มันมีคนมานั่งเล่นหรือไง ร้อนตับจะแตก! (หรือเป็นไปด้าน เย็นๆอาจจะมีคนมานั่งเล่น)

สุดท้ายก็ลงมา ตอนนั้นเป็นเวลาจะบ่ายโมงกว่าๆละ ก็นั่งหาของกินแถวนั้นระหว่างกินก็เริ่มตั้งวงประชุมละ เนื้อเรื่องของการประชุมคือ ไปไหนต่อดี? เพราะเริ่มไม่ไหวละ อากาศร้อนมากจริงๆ อยากจะตาย ตอนนี้ต้องการแอร์เย็นๆมาก

สรุปครับ... ไป JJ Mall และแล้วทริปเก้าวัดก็จบเป็นอันเท่านี้

จากวัดภูเขาทอง ตอนแรกกะจะนั่งรถแท็กซี่ไป BTS แต่ก็เจอคนแถวนั้นแนะนำว่าให้ขึ้นเรือไป (ว้าวมาก เกิดมาไม่เคยนั่งเรือคลองแสนแสบ) ก็เลยพากันไปลงเรือกันซึ่งก็ไม่มีใครเคยนั่งเลย เลยต้องไปหาคนแถวนั้นสอบถามว่านั่งไง ราคาเท่าไหร่ อะไรยังไงไปลงที่ไหนถ้าจะไปสยาม?

จากจุดนั้นนั่งเรือไปแถวสยาม (จำชื่อท่าเรือไม่ได้) และขึ้น BTS ไปจตุจักรต่อ แล้วเดินเท้าไป JJ Mall ซึ่งขอบอกว่าไม่เคยมีใครเดินไป ก็เลยหลงตลอดทางต้องถามทางว่าไป JJ Mall ไปทางไหน...

แต่สุดท้ายก็มาถึง ซึ่งจังหวะนั้นก็เดินเล่นละ ปล่อยผู้หญิงช๊อปกัน ผมนี่ก็เดินถ่ายรูปตามไปเรื่อยๆ

สรุป

ทริปเก้าวัด แต่เหนื่อยครับ เลยทริปล้มไปที่อื่นแทนกลายเป็นทริปนี้ได้สามรสเลย ศิลปะ(หอศิลป์), วัฒนธรรม(วัด), ช็อปปิ้ง(JJ Mall) ก็ถือว่าสนุกดีครับถ้าไม่นับว่าเสียค่า BTS ไปเยอะพอสมควร

ป.ล. ไปเที่ยวเก้าวัดเอารถไปเหอะ ไม่ก็ไปฤดูหนาว

สุดท้ายขอฝากภาพนี้ไว้หน่อย เห็นว่าสวยดี (ถ่ายเองหมดแหละ) สถานที่คือหอศิลป์กรุงเทพจ้าาาา