เรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยกับการใช้ชีวิตประจำวันในฮอกไกโดของนักเรียนแลกเปลี่ยน
สวัสดีครับ กลับมาเขียนบล็อกต่ออีกครั้งหลังจากหายไปนาน ที่หายไปนานเพราะอยากเน้นอ่านหนังสือเรื่องเล่าอื่น ๆ เพื่อเอามาเกลาวิธีการเขียนบล็อกของเราบ้าง ซึ่ง... สุดท้ายก็ไม่ได้อ่านหนังสือเท่าไหร่ แต่ก็ยังอยากเขียนบล็อกเหมือนเดิม
ถึงแม้จะกลับมาไทยจะสี่เดือนแล้วแต่ก็ยังอยากเขียนบล็อกชีวิตในฮอกไกโดเก็บไว้ บล็อกนี้อยากเล่าเรื่องชีวิตในฮอกไกโดช่วงที่ไปทำวิจัยระยะสั้นครับ แต่ก็ขอเล่าเพียงชีวิตประจำวันธรรมดาไม่ยาวมาก ไม่อยากให้บล็อกนี้ยาวเกินไปจนน่าเบื่อ จะพยายามย่อชีวิตเรื่อย ๆ สี่เดือนทั้งหมดให้เหลือในบล็อกที่อ่านสักสิบนาทีจบ
เท้าความก่อนว่าตัวผมได้ไปฝึกงานที่มหาวิทยาลัยฮอกไกโดในคณะ Graduate school of information science and technology ที่ห้องแล็บ Intelligent Information Systems ครับ มหาลัยนี้ตั้งอยู่กลางเมืองซัปโปโรเลย ถ้าใครไปเที่ยวก็คงมีโอกาสได้แวะเข้าไปเที่ยวเพราะเขาบอกว่าเป็นมหาลัยที่สวยอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น ส่วนหอพักก็อยู่ที่หอพักนักศึกษานานาชาติ International house kita 8 east ห่างจากมหาลัยประมาณสองกิโลเมตรครับ
ผมย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่ 22 กรกฏาคม ถึง 1 มกราคม ไปคนเดียวล้วน ๆ ไม่มีเพื่อนหรือใครไปเสริมเลย
งานหลักก็คือทำงานวิจัยให้เสร็จและตีพิมพ์เปเปอร์วิจัยเสร็จภายในสี่เดือนนี้ก่อนกลับมาไทยเพื่อใช้จบหลักสูตรสหกิจ (หลักสูตรฝึกงาน) ดังนั้นชีวิตประจำวันคร่าว ๆ ก็จะเป็นตื่นนอน ไปห้องวิจัย ทำงาน กลับห้องนอน วนลูปอย่างนี้ไปทุกวันเรื่อย ๆ นอกจากว่าวันไหนมีนัดเที่ยวกับคนไทยด้วยกันในมหาลัย
ตอนเช้า
ทุกเช้าผมตื่นมาจะอาบน้ำ ไม่ว่าอากาศจะเย็นแค่ไหนก็จะอาบเพราะพอไม่ได้อาบน้ำจะรู้สึกว่ายังไม่พร้อมทำงาน โชคดีห้องน้ำจะรักษาอากาศอุ่นได้ดี ช่วงหน้าหนาวจะไม่ค่อยหนาวมาก และยังมีฮีทเตอร์ในห้องน้ำอีกด้วย แต่ผมอยู่ไม่ถึงช่วงหนาวที่สุดของฮอกไกโด เลยไม่รู้ว่าถ้าหนาวสุดจะเป็นอย่างไร
กินข้าว ปกติเวลากินข้าวผมมีตัวเลือกสองแบบ คือ หนึ่งเดินไปหาของกินในเซโกะมาร์ท (Seicomart) ที่อยู่ตรงข้ามหอ สอง ปั่นจักรยานไปซื้อขนมปังที่ร้านประจำแล้วเอากลับมากินที่หอ
ร้านเซโกะมาร์ทนี่เป็นมินิมาร์ทประจำฮอกไกโด ไม่มีที่อื่นในญี่ปุ่น จุดเด่นคือทำอาหารสดขาย ไม่เหมือนร้านมินิมาร์ทอื่น ๆ ที่ขายเป็นข้าวกล่องส่งมาจากโรงงานให้เวฟ ของเซโกะมาร์ทมีแบบทำอุ่นร้อนพร้อมกินได้เลย แถมข้อดีของสาขาตรงข้ามหอนี้คือมีที่นั่งกิน! แต่บ่อยครั้งเอามากินในห้องนอนเพราะอยากดู Youtube ไปด้วย
ราคาอาหารจะอยู่ประมาณ 400 - 600 เยน ผมจำเลขเป๊ะ ๆ ไม่ได้
ส่วนอีกร้านคือร้านขนมปังประจำของผม ตั้งอยู่ถนนเดียวกันแต่อยู่ไปทางเหนือสักห้านาทีถ้าปั่นจักรยาน ร้านนี้ทำขนมปังสดใหม่ทุกวัน เวลาปั่นจักรยานถึงบล็อกที่ร้านนี้ตั้งอยู่ก็จะได้กลิ่นขนมปังหอม ๆ ลอยผ่านช่องระบายอากาศออกมา ขนมปังส่วนใหญ่ราคาไม่เกิน 250 เยน มีหลากหลายแนวมาก แบบแฮมเบอร์เกอร์กินอิ่มก็มี หรือขนมรูปกระต่ายน่ารัก ๆ ก็มี
ชื่อร้านผมอ่านไม่ออก เลยขออนุญาติแปะแผนที่แทนเผื่อคนไปเที่ยวอยากไปลอง ร้านไม่รับบัตรเครดิตนะครับ
เอาจริง ๆ ข้าวเช้านี่ไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ตื่นสาย พอกินอีกทีก็เป็นข้าวเที่ยงเลย...
กินเสร็จจากนั้นก็ปั่นจักรยานตามทางไปมหาลัยต่อเพื่อไปนั่งทำงานครับ ทำงานจนถึงเที่ยงก็ออกไปหาข้าวกิน
บอกนิดนึงว่าตรงเขตที่ผมอยู่เขาจะแบ่งผังเมืองเป็นบล็อก ๆ ดังนั้นเวลาเรียกก็จะเรียกเป็นทิศแทน เช่น เหนือ 8 ตะวันออก 2 อย่างหอผมนี่ Kita 8 Higashi ก็คือ เหนือไปแปด ตะวันออกมาหนึ่งบล็อก อะไรงี้ครับ
ภาพภายในแล็บขอไม่โพสต์นะครับ ห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวของห้องทดลอง
ตอนเที่ยง
พอเที่ยง ก็ถึงเวลาหยุดพักออกมาตามหาของกิน ถ้าผมตื่นสายหน่อย ข้าวเช้าก็จะกลายเป็นข้าวเที่ยงครับ แต่ถ้ารอบไหนตื่นเร็วมาแต่สาย ๆ ก็จะมาหาข้าวเที่ยงกินในมหาลัย ไม่ก็ละแวกใกล้เคียง สองแหล่งที่ผมหาของกิน คือ โรงอาหารคณะวิศวะ กับ ร้านกะเพรา
โรงอาหารวิศวะนี่คนเยอะตามปกติช่วงพักเที่ยง เลยมักเลี่ยงมากินช่วงบ่ายแทน อาหารก็ธรรมดา หยิบเลือกจ่ายเงินที่เคาร์เตอร์ครับ แล้วมานั่งกิน มีน้ำชา น้ำเปล่าให้กดฟรี
ส่วนร้านกะเพราก็เป็นร้านอาหารไทย ขายโดยคนญี่ปุ่นที่เคยไปอยู่ไทยมาก่อน ตั้งอยู่ทางประตูทิศใต้ของมหาลัย สาเหตุที่มากินประจำเพราะปกติอาหารไทยในญี่ปุ่นจะแพงมากเพราะเป็นอาหารต่างชาติก็งี้แหละ แต่ร้านนี้เขาขายราคาถูกมาก เทียบกับกับอาหารญี่ปุ่นในเมืองเลย เช่น ข้าวผัดกระเพราประจำวัน (ขายเฉพาะมื้อเที่ยง ราคาพิเศษ) ราคาเพียง 540 เยน
เจ้าของร้านกะเพราพูดไทยได้นิดหน่อย ซึ่งก็ไม่ได้คล่องมากแต่พอสื่อสารกันรู้เรื่อง
ด้านบนเป็นตำแหน่งร้านครับ เผื่อคนไทยไปเที่ยวซัปโปโร ร้านชื่อกะเพราเลย (Gapao)
กินเสร็จก็กลับมานั่งทำงานต่อถึงเย็นครับ
โดยส่วนใหญ่วันธรรมดาผมก็ใช้ชีวิตในห้องแล็ปเป็นหลักเพื่อทำงานให้เสร็จ แต่บางทีอาจมีเดินเล่นในสวนของมหาลัยด้วย แถวสวนก็จะเห็นคนมานั่งเล่น เดินเล่นชิว ๆ เราก็ไปนั่งชมนกชมไม้กับเขา บางครอบครัวเช้า ๆ ก็จะแบกเสื่อมานั่งปิคนิคด้วยก็มี
ตอนเย็น
สำหรับช่วงฤดูหนาว ข้อเสียคือพระอาทิตย์ตกเร็วมาก บางครั้งผมเห็นดวงอาทิตย์แค่สามชั่วโมง เพราะตื่นเที่ยง ๆ ออกจากหอก็บ่ายโมงแต่พระอาทิตย์ตกตอนสี่โมงกว่า ๆ งี้ กลายเป็นไม่ได้เห็นพระอาทิตย์สักเท่าไหร่ มาทำงานแปป ๆ ก็จะรู้สึกว่าเย็นแล้วต้องกลับบ้านกลับช่องไปนอน
ปกติเขาบอกว่าคนญี่ปุ่นจะทำงานหนัก กลับดึก ศาสตรจารย์ไม่กลับ นักศึกษาไม่กลับ ซึ่งอันนี้เรื่องจริงในหลาย ๆ แล็บนะครับ แต่แล็บผมเด็กนักศึกษาเขาดูอินดี้หน่อย ๆ สักเกตว่าเขาจะเริ่มมากันตอนบ่ายสองแล้วกลับห้าโมงเย็น... สุดท้ายผมคือคนที่กลับดึกสุดในแล็ป
มื้อเย็นผมก็ธรรมดา ไม่กินข้าวโรงอาหารก็หาอะไรกินในเซโกะมาร์ท แต่บางทีก็แวะซุปเปอร์ซื้อของมาทำกับข้าวกิน หรือซื้อข้าวกล่องมากินแทน แต่ที่ทำเป็นประจำคือหาของกินจากแฟมิลี่มาร์ทที่ห่างจากหอพักไปสองบล็อกแทน ข้าวหน้าเนื้อกับเบียร์ซัปโปโรสตาร์นี่อร่อยคู่กันมาก แนะนำให้ไปญี่ปุ่นแล้วหากินดูครับ
สำหรับของหวาน มีเดือนนึงทุกมื้อเย็นผมจะซื้อฮาเก้นดาสมากินทุกวัน เทียบกับราคาไทยแล้วมันถูกกว่ามาก ยิ่งเทียบกับค่าข้าวในญี่ปุ่นเองยิ่งรู้สึกว่าถูก ถึงแม้จะแพงกว่าไอติมอื่น ๆ สองเท่าก็ตาม
อีกอย่างที่ชอบซื้อกินก็คือไก่ทอดแฟมมิลี่มาร์ท อร่อยมากถึงมากที่สุดครับ กินบ่อยมาก
สำหรับวันพิเศษ ๆ หน่อยก็จะมีพี่ ๆ คนไทยชวนไปเที่ยวปั่นจักรยานไปในเมืองนี่แหละ ไปหาของกินอย่างอื่นไม่ก็พาไปร้านเกม ก็ถือว่าได้ลองของกินใหม่ ๆ เพราะบางร้านพูดอิงไม่ได้ เราก็กล้า ๆ กลัว ๆ คุยสั่งอาหารไม่รู้เรื่องก็มีพี่คนไทยพาไป
เสาร์-อาทิตย์
สองวันนี้ผมไม่ไปคณะครับ เพราะเข้าอาคารไม่ได้ บางครั้งที่ต้องไปเพระาฉุกเฉินก็ต้องเดินตามคนญี่ปุ่นที่มีบัตรไป บางทีก็กลัวเขาคิดว่าเราเป็นโจรหรือเปล่า....
นอกจากทำงาน บางวันเสาร์อาทิตย์ก็มีไปเที่ยวบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะนัดเที่ยวกันวันธรรมดาเย็น ๆ กับพี่คนไทยมากกว่า เช่นพาไปร้านเกมที่เล่นกีฬาอะไรก็ได้ไม่อั้น จ่ายเหมา หรือ ไปหาร้านอาหารอื่น ๆ กิน (ดูหนักเรื่องกิน...)
สรุป
คือชีวิตที่ฮอกไกโดก็ไม่ได้เฮฮาหรือได้ไปเที่ยวอะไรทุกวันเหมือนคนมาเที่ยวหรือมาไม่กี่สัปดาห์เท่าไหร่ครับ เพราะเรื่องเงินและเรื่องงานที่ต้องทำด้วยก็เลยดูใช้ชีวิตไปวัน ๆ หาของกินใกล้ตัวกินไปวัน ๆ แต่ช่วงเวลาที่อยู่ฮอกไกโดก็ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่รู้สึกว่ามีความสุขสุดในรอบหลายปี มีความสุขกับการได้เดินเล่น หาของกินทั่วไปซึ่งในไทยออกมาเดินคงเหงื่อท่วมก่อน แต่ก็กดดันและเครียดเรื่องงานพอสมควร บางคืนก็ไม่ได้นอนเพราะต้องปั่นงาน มีช่วงนึงนอนไม่หลับต้องลุกมานั่งอ่านเปเปอร์วิจัยตอนตีสองให้ง่วง
ตอนเขียนบทความนี้อยู่ก็คิดถึงบรรยากาศที่ญี่ปุ่นจริง ๆ นะครับ อยากกลับไปเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยวบ้าง ไปมาสามรอบไปแต่เรื่องงาน แต่ให้ไปทำงานคงไม่เอา...
ท้ายบล็อกนี้ก็ต้องขอบคุณเพื่อนชาวญี่ปุ่นกับกลุ่มคนไทยที่พาไปเที่ยว พาไปซื้อของต่าง ๆ ตลอดสี่เดือนตอนนั้นมากนะครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากนัดกินข้าวกับพวกพี่คนไทยอีก เช่นพี่โมกับพี่แฮม แล้วก็อยากกลับไปฮอกไกโดหาเพื่อนคนญี่ปุ่นด้วย
เพิ่มเติมสำหรับคนเดินทางไปเที่ยว
หากอยากลองหาร้านค้าทั่วไป ร้านอาหารท้องถื่นที่อาจไม่มีเขียนในเว็บนำเที่ยว ผมเตรียมลิสต์สถานที่พวกนี้ไว้ใน Google map แล้วครับ เผื่อใครอยากลองเปิดดูแวะหาของถูก ๆ กิน
https://goo.gl/maps/3dg2abqPf4A2
และก็ฝากบล็อกตอนก่อนหน้าที่เขียนเรื่องอาหารการกินตอนอยู่ที่ฮอกไกโดด้วยครับ 3 เดือนผ่านไป วัน ๆ ผมกินอะไรในญี่ปุ่น...