รีวิว: Logitech MX Ergo เมาส์ trackball สุดคูลที่ดีไซน์มาเพื่อสุขภาพและความสบาย

รีวิว: Logitech MX Ergo เมาส์ trackball สุดคูลที่ดีไซน์มาเพื่อสุขภาพและความสบาย

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหลาย ๆ คนน่าจะโดนขอให้ทำงานอยู่บ้านกัน ซึ่งเราก็โดนเช่นเดียวกัน พอต้องมานั่งทำงานที่บ้าน ก็เลยพยายามปรับโต๊ะทำงานในห้องให้ดีที่สุด ซึ่งผลที่ได้คือซื้อของกระหน่ำมาก ทั้งเมาส์ คีย์บอร์ด ที่รองข้อมือ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เอามาทำให้นั่งทำงานสบายขึ้น และแน่นอน หมดเงินไปเยอะ...

หลาย ๆ อุปกรณ์ที่ซื้อมามีชอบบ้างไม่ชอบบ้างเพราะไม่ถูกใจ แต่หนึ่งสิ่งในหลาย ๆ อย่างที่ซื้อมาแล้วถูกใจ อวยให้ชาวบ้านชาวช่องฟังไปทั่ว คือ เมาส์เพื่อสุขภาพ Logitech MX Ergo ซึ่งเป็น trackball mouse ที่ปกติไม่ค่อยจะเจอคนใช้กัน

Trackball mosue

ขอเกริ่นนำก่อนว่า ทำไมเมาส์ Trackball ถึงเป็นเมาส์ที่เจ๋ง และแตกต่างจากเมาส์ทั่วไป

ปกติแล้วเมาส์ทั่วไปคือใช้มือจับแล้วขยับแขนหรือข้อมือไปมา ซึ่งการใช้ข้อมือไปมาติดต่อกันนาน ๆ หลายชั่วโมงนั้นให้ปวดข้อมือ ปวดมือ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคอุโมงค์ข้อมือได้ ซึ่งการแก้ปัญหานี้คือลดการใช้งานข้อมือ และบังคับให้ข้อมืออยู่ในแนวตรงตลอด

สำหรับ Trackball mouse นั้นก็แก้ปัญหาตามวิธีด้านบนได้ คือ เราไม่ต้องขยับข้อมือ เราขยับแค่นิ้วโป้งที่ใช้เคลื่อนบอลแทน (สำหรับรุ่นที่เราซื้อมา เพราะยี่ห้ออื่นอาจใช้วิธีอื่นขยับบอล)

Logitech MX Ergo

กลับมาที่เมาส์ของเรา

ตัว Logitech MX Ergo นี่นับว่าเป็นเมาส์ในซีรี่ย์ trackball mouse ตัวล่าสุด ซึ่งไม่ได้ออกมาบ่อย ๆ เพราะตัวก่อนหน้าคือ Logitech M570 นั้นออกมาวางขายก็เมื่อปี 2010 ซึ่งก็คือสิบปีที่แล้ว

เอาจริง ๆ เราเคยใช้ Trackball mouse ครั้งแรกคือตอนประถม เมื่อตอนได้ไปออฟฟิศของอากง เพื่อนอากงมีเมาส์ Trackball วางไว้ ตอนนั้นเราก็ชอบไปนั่งเล่นคอมเพื่อนอากง แล้วก็เลยต้องมาลองใช้เมาส์แปลก ๆ นี้ ตอนนั้นเท่าที่จำความได้คือรู้สึกว่ามันประหลาดมากและไม่ชอบเลยจริง ๆ เพราะมันใช้ยาก (สำหรับเด็กประถม)

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน

ตอนสั่งมาก็คิดหนักพอควร เพราะราคาไม่เบาเลย อยู่ที่ 2,490 บาท แต่ตัดสินใจซื้อเพราะว่าตอนนั้นเริ่มปวดข้อมือขึ้นเรื่อย ๆ เป็นผลมาจากการทำงานทั้งวันทั้งคืนติดกันหลายวันแล้ว

เมื่อของมาถึง แกะพัสดุออกมาดูก็ต้องขอยอมรับเลยว่ากล่องมันพรีเมี่ยมมาก ๆ ตัวฝากล่องเป็นแม่เหล็กเปิดปิดได้ น่าเก็บไว้ดูเล่น ไม่ใช่แพกเพจพลาสติกถูก ๆ

ของในกล่องที่ให้มาคือ

  • USB Unifying
  • สาย USB สำหรับชาร์จ
  • เมาส์

ตัวเมาส์นี้ต้องชาร์จเอานะครับ ไม่มีช่องให้ใส่แบตเตอรี่เหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ไม่ต้องชาร์จบ่อย อ่านจากบล็อกต่างชาติมาเขาบอกว่าชาร์จเต็มหนึ่งครั้งใช้ได้ 4 เดือน แต่ถ้ารีบ ชาร์จแค่ 1 นาทีก็ใช้ได้ 1 วันแล้ว

สำหรับตัวเมาส์ ก็มีส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้

  • ลูกกลิ้งบอล
  • ปุ่มข้างลูกบอล
  • ปุ่มข้างสองปุ่มด้านข้างเมาส์ซ้าย
  • ปุ่มคลิ๊กซ้าย
  • ปุ่มคลิ๊กขวา
  • ปุ่มเมาส์กลาง (ลูกกลิ้งกดได้)
  • ปุ่มซ้ายของลูกกลิ้ง (ลูกกลิ้งกดไปทางซ้าย)
  • ปุ่มขวาของลูกกลิ้ง (ลูกกลิ้งกดไปทางขวา)
  • ปุ่มสลับอุปกรณ์

รวม ๆ คือมี 9 ปุ่ม แต่เราเลือกปรับแต่งได้ 6 ปุ่ม เพราะปุ่มสลับอุปกรณ์, คลิ๊กซ้าย, คลิ๊กขวา ปรับแต่งใด ๆ ไม่ได้ โดยการปรับแต่งสามารถทำได้ผ่านโปรแกรม Logi Options ที่ต้องไปโหลดเพิ่มเอาเองจากเว็บของ Logitech

วิธีปรับแต่งไปหาเอาเองละกัน...

หน้าโปรแกรม Logi Options ส่วนของ Logitech MX Ergo

หน้าปรับแต่งส่วน Trackball ของ Logi Options สำหรับ Logitech MX Ergo

นอกจากนี้ตัวเมาส์ยังสามารถปรับเอียงขึ้น 20 องศาได้ด้วย กลายเป็น Trackball เมาส์ผสมกับกึ่ง ๆ Vertical mouse ซึ่งทำให้ข้อมือเราไม่พับลงขนานไปกับโต๊ะ ซึ่งเป็นทางที่ดีกับสุขภาพมากกว่าท่าจับเมาส์แนวระนาบที่เราทำอยู่ทั่วไป (เขาว่ามานะ)

ขอจิ๊กเอาโฆษณาของ Logitech มาแปะ

นอกจากนี้ตัวเมาส์นั้นตามสไตล์ของ Logitech ก็คือมันต่อได้มากกว่า 1 อุปกรณ์ สำหรับตัวนี้ต่อได้มากสุด 2 อุปกรณ์ ทั้งต่อผ่าน USB Unifying ของ Logitech หรือต่อผ่าน Bluetooth เอาก็ได้ทั้งสองทาง

ส่วนตัวเราเอา Device#1 ต่อคอมออฟฟิศผ่าน USB Unifying และ Device#2 ต่อคอมเครื่องเดียวกันผ่าน Bluetooth เผื่อเวลาอันไหนสัญญาณมีปัญหาก็สลับได้ทันที

ความรู้สึกหลังใช้มา 1 เดือน

หลังจากใช้มาครบเดือน ต้องบอกว่าช่วงนี้กลับไปใช้ trackpad ของแมคหรือเมาส์อื่น ๆ ทำงานลำบากขึ้น เพราะใช้แล้วไม่สบายเหมือน Logitech MX Ergo ตัวนี้ (พูดจริง ไม่ได้รับเงินมาอวย)

พบว่าเวลามือเราได้มีที่ให้จับหรือโอบลงไปแล้วไม่ต้องขยับแขนหรือมือไปมา เราใช้นิ้วเราขยับไปมาอย่างเดียวมันสบายมาก และผิวสัมผัสของเมาส์ก็ไม่ใช่พลาสติกถูกเหมือนเมาส์อื่น ๆ มันทำมาจากวัสดุอะไรสักอย่าง แต่จับแล้วให้ความรู้สึกที่ดีพอควร มีความยืดหยุ่นอ่อน ๆ

นอกจากนี้การที่เมาส์มันตั้งได้ 20 องศาก็ทำให้เวลาจับแล้วรู้สึกว่าสบายขึ้น เพราะลองกดเมาส์ลงให้เป็นระนาบกับโต๊ะแล้ว เวลาจับเมาส์นั้น ข้อมือเราจะไปโดนโต๊ะแข็ง ๆ แล้วไม่สบายแขนเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้มีคนทักว่าถ้าใช้ตัวนี้แล้วอาจจะปวดนิ้วโป้งแทนหรือเปล่า เพราะเราต้องใช้นิ้วโป้งเราขยับไปมาตลอดเวลา ซึ่งตอนแรกเราก็คิดงั้นว่ามันจะปวด แต่พอใช้จริง ๆ แล้วไม่ปวดเท่าไหร่เลย ไม่เหมือนเวลาเราเล่นมือถือนาน ๆ

จากการคาดเดามั่ว ๆ ของเรา คิดว่าเป็นเพราะเวลาเราเล่นมือถือ เรางอนิ้วโป้งเพื่อไปจิ้มจอมือถือ แต่กับเมาส์อันนี้ เราไม่ได้งอนิ้ว เราแค่วางนิ้วโป้งลงไปแล้วขยับไปมาเฉย ๆ

จนถึงตอนนี้ ข้อมือเราไม่ค่อยปวดแล้ว แต่ตอนนี้ที่กำลังเขียนบล็อกนี้อยู่ก็เริ่มปวดนิดหน่อย เพราะต้องกลับมาใช้ trackpad ของแมคอีกรอบ (เมาส์อยู่ออฟฟิศ ขี้เกียจเอากลับบ้าน) แล้วมันต้องหักข้อมือเยอะมากเวลาใช้ (เราวางคอมใกล้ตัว)

ตัวเมาส์ (จากภาพด้านบน) ค่อนข้างใหญ่ เราซึ่งเป็นผู้ชายตัวเล็ก (สูง 165cm เขียนไว้เทียบ จะได้เดาไซส์มือออก) ก็จับเมาส์ไม่ได้ทั้งหมด แต่มันก็ไม่ได้ออกแบบมาให้จับทั้งเมาส์อยู่แล้ว เราก็วางมือไปจับเมาส์แค่ให้คลิ๊กได้ ใช้นิ้วโป้งเคลื่อนบอลได้ก็โอเคแล้ว

ลูกกลิ้งของเมาส์นั่นก็ให้ความรู้สึกที่โอเค คุ้มค่ากับเมาส์ตัวท๊อป ๆ ของค่ายนี้ ไม่ดูก๊องแก๊ง เช่นเดียวกับปุ่มต่าง ๆ ที่กดแล้วไม่ก๊องแก๊ง แต่อย่างปุ่มด้านข้างคลิ๊กซ้ายมันออกจะกดยากไปนิดหน่อย

เรื่องเสียงก็ไม่ค่อยมีปัญหามาก เสียงจากการคลิ๊กเมาส์ไม่ดังจนน่ารำคาญ เรียกได้ว่าดังในระดับปกติ แต่ไม่เงียบเหมือนพวก Silent mouse อย่างเช่น Logitech M590

ข้อดีไปแล้ว มาเจอข้อเสียบ้าง

เมาส์นี้ดีมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะดีไปหมด ขอร่ายข้อเสียของมันบ้าง

ผิวสัมผัสเมาส์นั้นทำความสะอาดลำบาก

ตัวผิวสัมผัสที่นุ่ม ๆ นิดหน่อย มันมีลักษณะเหมือนหนังหรืออะไรสักอย่าง บอกไม่ถูก มันจะหยุ่น ๆ หน่อย ๆ แต่มีปัญหาคือมันจะหนืด ๆ แรงเสียดทานเยอะ ซึ่งทำให้ฝุ่นเกาะง่าย แล้วเอาออกยาก ปัด ๆ แล้วเอาไม่ออก ต้องไปขอยืมน้ำยาเช็คคนในออฟฟิศมาเช็ดออก

นอกจากนี้ถ้ามือเหงื่อออกเยอะมาก ๆ ตัวผิวสัมผัสมันจะยิ่งหนืด ๆ ต้องคอยเช็ดด้วย

Productivity ตกลงกว่าเดิมนิดนึง

ไม่รู้เป็นเพราะเรายังใช้เมาส์ไม่คล่องหรือว่าอย่างไร แต่รู้สึกว่าใช้เมาส์นี้แล้วทำงานช้าลงกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะเราเลื่อนเมาส์ได้ลำบากกว่าเมาส์แบบปกติทั่วไป บางทีเลื่อนเมาส์ไปแล้วมันไม่อยู่ตรงจุดที่เราต้องการพอดี มันจะคลาดเคลื่อนไปนิดหน่อย เพราะเรากะไม่ถูกและคุม trackball ด้วยนิ้วโป้งยังไม่แม่น

กำลังพยายามแก้อยู่ แต่อาจต้องใช้เวลาอีกสักพัก เพราะเราพึ่งเริ่มใช้เมาส์แบบนี้มาเดือนเดียว เทียบกับเมาส์ดีไซน์ปกติที่เราใช้มันมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว

ช่องของ Trackball นั้นมีฝุ่นเข้าไปได้

ดูจากภาพด้านล่างได้เลย คือ เมาส์ตัวนี้ลูกบอลสามารถถอดออกได้ ผ่านการแทงดินสอหรือปากกาผ่านรูที่อยู่ใต้เมาส์ ซึ่งเราต้องถอดฐานเหล็กของเมาส์ออกก่อน

ที่มันทำให้ถอดลูกบอลออกมาได้ ก็เพื่อจะได้ทำความสะอาดได้ง่าย เนื่องจากบางครั้งมีฝุ่นหรือคราบจากนิ้วเราที่อยู่บนลูกบอลเข้าไปติดด้านในร่องลูกบอลนี้ อีกทั้งลูกบอลก็ต้องเอาออกมาเช็ดด้วย ไม่งั้นใช้นาน ๆ จะมัน และถ้าฝุ่นเกาะด้านในเยอะ ๆ ตัว trackball มันจะไม่ลื่นอย่างที่ควรเป็น

ซึ่งก็ต้องเอาลูกบอลออกมาเช็ด และกำจัดฝุ่นด้านในทุกอาทิตย์ แต่เวลากำจัดฝุ่นด้านในก็ไม่ยาก แค่เอาผ้าเช็ด ๆ เอาฝุ่นออกก็โอเคแล้ว

สรุป

นั่นก็คือสิ่งที่อยากจะเล่าทั้งหมดเกี่ยวกับเมาส์นี้ ถ้าถามเราว่าเปลี่ยนใจคืนเมาส์นี้ไปใช้เมาส์อื่นได้จะทำไหม เราก็คงตอบเลยว่าไม่ เพราะเรารู้สึกว่าใช้แล้วสบายขึ้นจริงไม่โกหก และคิดว่ามันเหมาะสำหรับคนห่วงเรื่องสุขภาพแบบเรา

ก็อยากจะแนะนำเมาส์นี้ให้คนอื่นลองใช้ดูเช่นกัน สำหรับคนที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ เรื่องโรค office syndrome เผื่อจะติดใจ แต่ก็อาจไม่เหมาะกับบางคนด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ

ก่อนปิดบล็อกนี้ไป อยากเล่าอะไรเพิ่มเติมนอกเรื่องนิดหนอย

เรื่องที่หนึ่ง

มีพี่ที่ออฟฟิศมาเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนเขาที่ใช้เมาส์นี้ไปนาน ๆ ตอนแรกชอบมาก แต่หลายปีต่อมาแล้วคือมือหรือแขนพัง เพราะใช้นิ้วโป้งขยับ ๆ มากเกินไป ซึ่งอันนี้ตัวคนเล่าก็จำได้ลาง ๆ ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเมาส์ที่ใช้ตัวไหนอะไรยังไง แต่ก็อยากจะฝากไว้ว่า ต่อให้ใช้เมาส์ดีแค่ไหน ก็ควรจะต้องลุกออกไปยืดเส้นยืดสาย คลายกล้ามเนื้อทุกครึ่งชั่วโมง ไม่งั้นอุปกรณ์จะดีแค่ไหนก็ช่วยเรื่องสุขภาพไม่ได้

เรื่องที่สอง

เราเขียนไว้ด้านบนว่าเราต้องใช้น้ำยาทำความสะอาด แต่อยากเตือนคนที่จะทำตามเราก่อนว่า น้ำยาที่ใช้ต้องห้ามมีส่วนผสมของแอลกอฮอล ไม่งั้นมันจะกัดผิวเมาส์ทำให้สีลอกหรือผิวมันเสีย อย่างน้ำยาที่เราใช้ทำความสะอาดคือน้ำยาเช็ดที่ไม่มีแอลกอฮอล อันนี้ขอเตือนไว้ก่อน

เรื่องที่สาม

ไม่เกี่ยวกับเมาส์ แต่อยากเล่า

เมาส์มันแพง แถมผิวสัมผัสโดนฝุ่นจับง่าย ก็เลยต้องดูแลให้ดี ๆ หน่อย ดังนั้นเวลาย้ายไปมาจากออฟฟิศและที่บ้านก็กลัวว่ามันจะเลอะง่าย หรือโดนอะไรขูดเป็นรอยจากการที่ใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ตรง ๆ

เราเลยซื้อเคสเมาส์ (ฟังตลก แต่เรื่องจริง) มาใส่เมาส์ตัวนี้โดยเฉพาะ หากใครสนใจก็ลองหาซื้อใน Shopee เอาได้ ไม่แพง ส่งมาจากจีน อย่างของเรามีเคสเมาส์แบบเต็มไซส์ มีช่องใส่ของครบถ้วนทุกอย่าง เผื่อเวลาย้ายเมาส์ไปมา เมาส์จะได้ไม่เป็นรอย

กล่องใส่เมาส์สำหรับพกพาไปที่อื่น

เรื่องที่สี่

ความจริงก่อนเรามาใช้เมาส์อันนี้ เราลองซื้อ Vertical mouse จีนแดงอันละสองร้อยกว่าบาทมาลองเล่น ทรงมันก๊อปจากยี่ห้ออื่นมาแต่ว่าฟีเจอร์ด้านในไม่เท่า

ปัญหาของ Vertical mouse ที่เราไม่ชอบคือเวลาใช้ มันจะลดการเคลื่อนไหวของข้อมือ แต่บังคับให้เราต้องเคลื่อนทั้งแขนเพื่อขยับเมาส์แทน ซึ่งเราขี้เกียจ สุดท้ายเลยเปลี่ยน เอามันไปขายต่อให้เพื่อนแทน (ซึ่งเหมือนเพื่อนจะชอบ?)