เล่าชีวิตพิชิต Annapurna Base Camp (ABC)
![เล่าชีวิตพิชิต Annapurna Base Camp (ABC)](/content/images/size/w2000/2024/04/DSC03021--1---1-.jpg)
โพสต์นี้เขียนในรูปแบบเล่าไปเรื่อยเหมือนเรานั่งบ่นให้ฟัง เราจะเขียนแยกอีกโพสต์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง แผนการต่าง ๆ การเตรียมตัว ดังนั้นโพสต์นี้อ่านเราบ่นขิงข่าและดูภาพขำ ๆ ไป เขียนเพราะเพื่อนหลายคนอยากให้รีวิว
เส้นทางเดินของเราคือ เริ่มจาก Nayapul - Poon Hill - ABC ทางเดินกลับจะเหมือนทางเดินขึ้นประมาณ 50% และมีจุดที่เดินแยกไปอีกเส้นทางก่อนไปถึงจุดขึ้นรถขากลับเพื่อนั่งรถ Jeep ไปผ่านด่านขาออกที่ Nayapul
📷 ภาพในบล็อกนี้ถ่ายด้วย Pixel 7 และ Sony RX100 M7
Day 1, Kathmandu
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปเมืองกาฎมันดุแล้วเข้าพักที่โรงแรมกลางเมือง เมืองหลวงเนปาลก็คือฝุ่นเยอะไม่ต่างจากประเทศไทย แถมมาคือรถตู้ไม่เปิดแอร์ เหมือนรถขนส่งสาธารณะทั้งหมดในเมืองทั้งรถแบบแท็กซี่และรถบัสจะไม่เปิดแอร์กัน
กลุ่มเรานัดเจอไกด์ที่สนามบินและเดินทางเข้าโรงแรม หาของกินในวันนั้น พูดคุยกับไกด์เรื่องแผนการเดินทางต่าง ๆ เดินเล่นซื้อของใช้จำเป็นในการเอาตัวรอดในเขา รับประทานข้าวเย็นแล้วจบวัน
ของส่วนใหญ่ที่ขายเป็นปลอมหมด แต่บางอันปลอมจนอยากได้ วันสุดท้ายเราซื้อเสื้อ North Face มาเพราะมันดูปลอมแบบตลกดี
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01108.jpg)
Day 2, Pokhara
วันนี้ตื่นมาเก็บของเพื่อเดินทางต่อไปยัง Pokhara ซึ่งเป็นเมืองจุดเริ่มต้นของการเดินเขา
ปกติการเดินทางจะเป็นรถบัสแต่เนื่องจากถนนระหว่างเมืองกำลังซ่อมแซมอยู่ ระยะเวลาปกติ 6 ชั่วโมงจึงกลายเป็น 13 ชั่วโมง กลุ่มเราเลือกจึงเดินทางข้ามเมืองด้วยเครื่องบินภายในประเทศถึงแม้จะรู้ว่าสายการบินเนปาลทั้งหมดมีความปลอดภัยต่ำกว่ามาตรฐาน แต่อย่างที่เพื่อนบอกไว้ เสี่ยง 20 นาทีอาจจะดีกว่าเสี่ยงรถตกเหว 13 ชั่วโมง
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-1.png)
สนามบินคือโบราณมาก ไม่มีระบบความปลอดภัยหรือสายพานสัมพาระใด ๆ เขาขนกระเป๋าด้วยรถเข็นผัก
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-2.png)
มีเรื่อง salty คือ บริษัททัวร์เปลี่ยนสายการบินจากที่คุยไว้ Surya Airline เป็น Yeti Airline ที่แม้แต่คนเนปาลในบริษัทเราบอกให้เลี่ยง Yeti Airline คือสายการบินในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล คนใช้เยอะ ราคาถูก แต่ความปลอดภัยก็ต่ำตาม
เรื่องน่าสนใจคือสายการบิน Yeti พึ่งมีเหตุการณ์เครื่องตกตายยกลำไปเมื่อต้นปี 2023 (Yeti Airlines Flight 691 Incident) และเครื่องที่ตกไปคือเครื่องที่บินเส้นทางเดียวกับเรา Kathmandu to Pokhara อ่านข่าวแล้วยิ่งทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นไปอีก (ประชด)
Fun fact: EU แบนสายการบินจากประเทศเนปาลทั้งหมดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย นโยบายความปลอดภัยทางการบินที่ต่ำกว่ามาตรฐานของหน่วยงานรัฐ
สุดท้ายก็ถึงที่หมายแบบครบส่วน กระเป๋าอยู่ครบ เครื่องดีเลย์ไปชั่วโมงนึง
จากสนามบิน Pokhara ไปโรงแรมไม่นานมาก โรงแรมสวยงาม มีแอร์แค่บางห้อง สำคัญที่สุดคือมีสายฉีดตูด
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-3.png)
วันนี้เวลาเหลือเยอะ หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จ กลุ่มเราเลยไปนั่งเรือเล่นซึ่งสนุกดี เป็นเรือถีบที่นั่งได้หลายคน เราไม่ต้องถีบเองเพราะจ้างคนถีบได้แต่เพื่อนเราขอไปช่วยเขาถีบเหมือนกัน ได้ภาพมาเยอะเหมือนกันระหว่างล่องเรือ
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01297.jpg)
Day 3, Ulleri (1960m)
วันนี้คือวันแรกของการ Trekking โดยต้องนั่งรถต่อไปถึง Nayapul ซึ่งเป็นเมืองเริ่มต้น มีจุด salty อีกอย่างคือความจริงวันนี้ขอนั่งรถ Jeep เข้าไปแต่โดนเปลี่ยนเป็นให้เดินเท้าเข้าไปแทน ความจริงแล้วนั่งรถ Jeep ดีแล้วเพราะระหว่างทางเป็นชนบททั่วไปไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ ฝุ่นเยอะด้วยเวลารถวิ่งผ่านไปมา
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01412.jpg)
เส้นทางวันแรกเป็นลูกรังที่บรรจบกับเส้นทางเดินของคนพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นหินปูพื้นและบันไดหินหลายพันขั้นลัดเลาะตามช่องเขาไปเรื่อย ๆ
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01462.jpg)
สุดท้ายมาถึงที่พักช่วงใกล้ค่ำ อากาศเริ่มเย็นพอดี ที่พักคืนแรกเป็นบ้านพักนักเดินเขา มีห้องน้ำในตัว น้ำเย็นเฉียบ ไม่มีสายฉีดตูด
สำหรับอาหาร ทุกที่พักจะสามารถทำอาหารเสิร์ฟได้ เมนูส่วนใหญ่คล้าย ๆ กันหมด แต่ทุกที่ทำอาหารช้าหมด ช้าระดับ 1-1.30 ชั่วโมง เราไม่เข้าใจคนเนปาลเหมือนกัน เป็นทุกร้านด้วยนะ (จะเห็นเราบ่นเรื่องนี้เรื่อย ๆ)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01541.jpg)
Day 4, Ghorepani (2880m)
วันนี้ออกเดินทางไป Ghorepani ซึ่งเป็นจุดพักแรมสำหรับคนที่จะขึ้น Poon Hill ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เส้นทางเดินไม่ต่างจากวันที่ 3 ซึ่งเป็นทางเดินหินชนบทผสมทางเดินดิน ส่วนใหญ่คือบันไดนับพันขั้นเหมือนเดิม
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01809-2.jpg)
ทางเดินช่วงครึ่งหลังวันนี้ค่อนข้างสวยงาม ต้นกุหลาบพันปีร้อย ๆ ต้นเต็มภูเขาเปลี่ยนทั้งเขาเป็นสีชมพูประปราย ทางเดินเขากลายเป็นทางเดินชมดอกไม้
วันนี้เดินขึ้นเหนื่อยแต่จบท้ายด้วยที่พักที่ดูดี คืนนี้ของวันนี้พักที่ Ghorepani ซึ่งอย่างที่บอก เป็นเมืองสำหรับคนอยากขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Poon Hill ทำให้เมืองใหญ่กว่าวานก่อน ของขายครบถ้วน ที่พักมีความเป็นโรงแรมมากขึ้นและมีฮีทเตอร์ส่วนกลาง ห้องพักมีห้องน้ำในตัว น้ำร้อนและสายฉีดตูด
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-4.png)
น้ำร้อนของที่พักมาจากเตาฮีทเตอร์ไม้ส่วนกลาง ถ้าโชคร้ายคนเข้าใช้น้ำเยอะ ๆ พร้อมกัน น้ำจะหายร้อนกลายเป็นน้ำเย็นถึงกระดูก พี่ ๆ ในกลุ่มโดนหลอกให้อาบน้ำเย็น ส่วนเราโชคดีได้อาบน้ำและซักผ้าด้วยน้ำอุ่น
Day 5, Poon Hill (3200m) & Tadapani (2630m)
วันนี้เริ่มเดินตั้งแต่ตีสี่เพื่อขึ้น Poon Hill ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศด้านบนหนาวสัก 5-6 องศา แต่ไม่มีหิมะ
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01951.jpg)
Poon Hill เป็นจุดที่มองเห็นแนวเขา Annapurna เกือบทั้งหมด สามารถเห็น Machapuchare, Annapurna I, Annapurna II และ Annapurna South ได้ เป็นวิวมองไกล ๆ ด้านบน Poon Hill คนเยอะมาก มีห้องน้ำสามห้อง มีร้านขายเครื่องดื่มร้อนหนึ่งร้าน
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC01946.jpg)
สำหรับ Poon Hill นั้นพูดตรง ๆ ว่าไม่ต้องมาหรอกถ้าตั้งใจจะไปเดินถึง ABC อยู่แล้ว วิวมันก็ดีแต่ไม่ได้อลังการมาก คนเยอะ ที่สำคัญคือทำให้เสียเวลาเดินทางเพิ่มจาก 7 วันเป็น 10 วันเพราะต้องอ้อมมา Poon Hill ก่อนเริ่มเดินไป ABC วิวระหว่างทางก็เหมือนวิวป่าไทยเวอร์ชั่นโดน steroid อัดเข้าไป สวยกว่าไทยแต่ไม่ได้ต่างไปมากจนประทับใจ
ข้อดีของการมาที่นี่คือได้ทำ Acclimatization ก่อนเพื่อให้ร่างกายปรับตัวที่ความสูง 3200m ก่อนขึ้นไปเจอ ABC ที่ความสูง 4200m
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น ก็เดินกลับลงมาที่พักเพื่อทานข้าวเช้าแล้วออกเดินทางต่อไปที่ Tadapani ซึ่งจะเป็นจุดพักแรมสุดท้ายก่อนข้ามไปเส้นทางเดินหลักของ ABC
ทางเดินวันนี้ข้ามภูเขาและป่าที่แทรกไปด้วยต้นดอกกุหลาบพันปีเหมือนเดิม
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02028.jpg)
ระหว่างเดินทางวันนี้ กลุ่มเราเริ่มเจอฝนแห่งเขา Annapurna ซึ่งคือฝนที่จะเริ่มตกช่วงทุกบ่ายสองของทุกวัน ตกเวลาเดิมแล้วหยุดตกเวลาเดิมเกือบทุกวันจริง ๆ ทำให้การเดินวันนี้ยากขึ้นไปอีกเพราะบางจังหวะฝนก็ตกลงมาเป็นลูกเห็บเพราะอากาศหนาวเย็น
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-5.png)
ระหว่างเดินค่อนข้างทรมานมือตัวเองเพราะเราไม่มีถุงมือกันน้ำ ทุกครั้งที่ฝนตกลงมือจะเหมือนโดนเข็มแทงเพราะฝนเย็นเฉียบ เสื้อกันฝนเราก็เสื่อมจนมันไม่กันฝนแล้ว ทำให้เหมือนเดินตากฝนตลอดเวลา จินตนาการเดินตากฝน 12 องศา 2 ชั่วโมงกว่า สุดยอดจริง ๆ
แต่พอหลังฝนตก แดดเริ่มออก ป่าก็เหมือนกลับมามีชีวิตทันที เราหยุดเดินหลายรอบมากเพื่อซึมซับบรรยากาศในป่า เราเดินทิ้งห่างจากคนอื่นเพื่อจะได้รอให้ทุกอย่างเงียบเหลือแค่เสียงใบไม้พัดไปมา ต้นไม้เสียดสีเอี๊ยดอ๊าด ลมพัดผ่าน และสำคัญที่สุดคือกลิ่นของป่าหลังฝน
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02061.jpg)
ท้ายที่สุดก็เดินมาถึงที่พัก ได้อาบน้ำอุ่น กินข้าวแล้วเข้านอน
Day 6, Chomrong (2170m)
เช้าวันนี้เจอเรื่องนอกแผน เพื่อนคนนึงในกลุ่มเริ่มมีอาการป่วย คาดว่าเพราะฝนตกเมื่อวานและความหนาวเย็น รวมถึงออกซิเจนที่น้อยลง (น้อยลง ~25% จากระดับน้ำทะเล) วันนี้จึงตัดสินใจออกเดินสายขึ้น 1-2 ชั่วโมงเพื่อให้เพื่อนได้นอนพักต่อ วันนี้ทางเดินสั้นและไม่นานจึงไม่มีปัญหามากนัก
หลังจากปล่อยให้เพื่อนที่ป่วยได้นอนพัก กลุ่มเราก็ออกเดินทางต่อ ทางวันนี้เป็นการเดินผ่านพื้นที่หมู่บ้านคนท้องที่ตลอดทางโดยเลียบภูเขาไปเรื่อย ๆ ก็จะได้เห็นพื้นที่การเกษตร ที่พัก สัตว์เลี้ยงต่าง ๆ และสำคัญคือได้เดินข้ามสะพานแขวนใหญ่ ๆ ด้วย (เราชอบแต่พี่ในกลุ่มอีกคนไม่ชอบ) สุดท้ายไปพักที่หมู่บ้าน Chomrong
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-6.png)
ยิ่งเข้าใกล้เทือกเขา Annapurna เท่าไหร่ฝนยิ่งตกมากขึ้น วันนี้ก็ไม่วายตกหนักกว่าเดิมแถมลมแรงด้วย บางจังหวะต้องหยุดพักหลบฝนหลบลมเพื่อความปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนที่ป่วยก่อนหน้านี้อาการก็เริ่มแย่ลง สุดท้ายต้องฝืนเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงที่พัก
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-7.png)
ตอนเดินถึงที่พัก เป็นความรู้สึกโล่งใจมากเพราะทั้งเพื่อนป่วย ทั้งอากาศหนาวเย็น แต่ถึงที่พักปุปกลับไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะระหว่างวันไฟจะมาจากโซล่าร์เซลล์ ต้องรอตกค่ำเพื่อให้สถานีปั่นไฟเริ่มส่งไฟฟ้ามาให้
ตอนเดินถึง ก็นั่งพักในห้องอาหาร ดื่มน้ำร้อนจากกระติกน้ำไซส์ 2L ที่ปกติเห็นได้แค่ในเกมเอาชีวิตรอด จนพอเริ่มค่ำไฟก็เริ่มมาและได้สั่งทานข้าวเย็นในที่สุด ข้าวที่นี่รสชาติพอใช้ได้
ที่นี่เป็นคืนแรกที่ไม่อาบน้ำเพราะไม่มีน้ำอุ่น ส่วนอากาศก็เย็นพอที่จะไม่รู้สึกเหนียวตัว และเป็นคืนแรกที่ห้องนอนไม่มีห้องน้ำแยกแล้ว หลังจากนี้ไปที่พักจะไม่มีห้องน้ำในห้องนอน ต้องใช้ร่วมกันที่ส่วนกลาง
วันนี้พอเริ่มเดินเข้าเส้นทาง ABC จากความเหนื่อยแบบขำ ๆ เริ่มกลายเป็นความเครียดจริงจังเพราะฝนตกหนัก หนาวเย็นและกังวลเพื่อนที่ป่วย คืนนี้ทุกคนนั่งคุยกับไกด์กันว่าควรทำยังไงต่อดีสำหรับเพื่อนที่ป่วย ซึ่งมีสามตัวเลือก คือ เดินต่อ กลับลงไปหรือนอนพักที่นี่จนกว่าจะหาย สุดท้ายก็เลือกว่ารอดูอาการวันรุ่งขึ้นก่อนค่อยตัดสินใจ
Day 7, Dovan (2600m)
เช้านี้ตื่นมาถ่ายรูปยามเช้า วิวจาก Chomrong สามารถมองเห็นแนวเขา Annapurna South, Annapurna I, และ Machapuchare ได้ชัดเจนขึ้น
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-9.png)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-8.png)
เช้านี้เพื่อนที่ป่วยอาการดีขึ้น มีแนวโน้มพร้อมเดินทางต่อได้ กลุ่มเลยตัดสินใจเลือกตัวเลือกเดินทางต่อไปจุดหมายต่อไป คือ Dovan ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางผ่านก่อนขึ้นไปถึง Machapuchare Base Camp (MBC)
เส้นทางวันนี้เป็นการเดินลงสุด ขึ้นสุด 80% เป็นการเดินขึ้น และเป็นเส้นทางหลักเดินทางไปยัง ABC หลังจากก่อนหน้านี้เป็นทางเดินอ้อมไป Poon Hill โดยเส้นทางจะเดินผ่านชุมชนหลายจุด เช่น Sinuwa ซึ่งเป็นจุดทานข้าวเที่ยง, หมู่บ้าน Bamboo ก่อนไปพักที่ Dovan
ระหว่างเดินวันนี้ก็เริ่มพบเจอคนมากขึ้นเพราะเข้าเส้นทางหลัก พบเจอเกาหลีเป็นส่วนใหญ่ ฝรั่ง ไทย อินเดีย ตามลำดับลงมา
หลังจากพักทานข้าวเที่ยงแล้วเดินทางต่อ ฝนก็เริ่มตกลงมาเหมือนเดิม วันนี้แย่ลงไปอีกคือฝนตกหนักมากจนมองไม่เห็นทาง บ่ายสามแต่มืดเหมือนหกโมงเย็น ทางลื่น บันไดมีน้ำไหลเป็นน้ำตก อากาศก็หนาวเย็น จนสุดท้ายไปต่อท่าจะไม่ดี ไกด์เลยพาหยุดพักที่ Bamboo ซึ่งเป็นหมู่บ้านระหว่างทางเพื่อรอฝนซา
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-11.png)
หลังจากหยุดพักได้ไม่นาน ฝนเริ่มเบา ก็รีบออกเดินทางต่อเพราะยิ่งมืดจะยิ่งอันตราย ซึ่งเราก็คาดการณ์มาไว้ระดับนึงเลยหยิบ headlamp มาใส่ตลอดทางเผื่อฝนจะทำให้ฟ้ามืดกว่าเดิม ซึ่งมันก็มืดกว่าเดิมจริง ๆ (พี่ในกลุ่มบอกว่า ณ จุดนี้เหยียบขี้สัตว์หรือดินก็มองไม่ออกแล้ว)
เรื่องน่ากังวลต่อมาคือมีเพื่อนป่วย กระเป๋าเพื่อนป่วยเลยย้ายไปอยู่ที่ลูกหาบ แต่ระหว่างเดินช่วงสุดท้าย พี่คนที่เดินช้าสุดในกลุ่มเริ่มเดินไม่ไหว เลยต้องให้ลูกหาบแบกกระเป๋าพี่คนนั้น แล้วคนในกลุ่มช่วยแบกกระเป๋าเพื่อนที่ป่วย (context: เราแบกของ 7KG คนอื่นน้อยกว่านี้ เป็นพวกบ้าหอบฟาง) ตอนแบกกระเป๋าเพื่อนแล้วเดินคือต้องฮึบมาก เดินลุยฝนต่อไปเรื่อย ๆ ทีละก้าว ๆ ไม่มีใครอยากหยุดเพราะกลัวป่าจะมืดไปกว่านี้
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-13.png)
สุดท้ายก็เดินไปจนถึงเขตหมู่บ้าน Dovan ขอบอกเลยว่าตอนนั้นโล่งใจมาก ๆ แบบไม่เคยโล่งใจที่เห็นหมู่บ้านคนกลางป่าขนาดนี้มาก่อน แล้วฝนก็เริ่มซาลงพอดี
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-14.png)
พอถึงที่พักก็แยกย้าย เราจ่ายเงินเพื่ออาบน้ำอุ่นที่ร้อนจนเหมือนน้ำเดือด แต่มีน้ำร้อนให้อาบก็บุญแล้ว ไม่ได้ฟรีนะ คนละประมาณ 100 บาท
อาหารเย็นตอนนี้ กลุ่มเราส่วนใหญ่สั่งมาม่าเกาหลีเพราะอากาศหนาวมาก ไม่มีใครอยากกินข้าวที่เย็นในพริบตาแล้ว แต่เราดันสั่งพิซซ่ามา... สุดท้ายเลยขอแลกครึ่ง ๆ กับพี่อีกคนที่กินมาม่าเกาหลี
เพื่อนที่ป่วยวันนี้ หลังจากเดินมา 6 ชั่วโมง เจอฝนตกหนักและอากาศหนาวรวมถึงออกซิเจนที่น้อยลงทำให้อาการป่วยไข้เริ่มหนักขึ้น จนเพื่อนทุกคนในกลุ่มเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นว่าถ้าไปต่อกว่านี้อาจจะอันตรายถึงชีวิต ทุกคนเลยคุยกันแล้วตัดสินใจกันว่าไม่ควรไปต่อแล้ว หลังจากคุยกับไกด์จึงได้ข้อสรุปว่าให้พักอยู่ที่ Dovan จนกว่าอาการจะดีขึ้นแล้วเดินกลับลงไปกับผู้ช่วยไกด์อีกคน
หนึ่งคนต้องยอมแพ้ไป เจ็ดคนที่เหลือเตรียมเดินทางต่อ
Day 8, Machapuchare Base Camp - MBC (3700m)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02502.jpg)
เช้าวันนี้จะเริ่มเดินขึ้นเหนือพื้นที่สูงกว่า 2800 เมตร ซึ่งจะทำให้วิวต่าง ๆ เปลี่ยนไปแบบทุนดรา คือ ต้นไม้ใหญ่เหลือน้อย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่โล่ง มีหญ้าพุ่มโตประปราย
เส้นทางจะเป็นการเดินข้ามแม่น้ำ พื้นที่ร้าง น้ำตก ลุยโคลนและหิมะถล่มบางจุด โดยคำบอกเล่าจากเพื่อนเนปาลบอกว่าพื้นที่แถบนี้ถ้าเป็นฤดูหนาวจะเป็น death trap คือเข้าออกไม่ได้เลย ส่วนไกด์เล่าเพิ่มว่าระหว่างทางมีหิมะถล่ม ทางเดินจึงต้องปรับเปลี่ยนไปบ้าง
อากาศวันนี้รวม ๆ คือเริ่มเย็นขึ้นจนต่อให้อยู่กลางแดดก็ยังหนาว คิดว่าเริ่มเหลือหลักเดียว แสงแดดกลายเป็นสิ่งที่คนอยากได้โดยเฉพาะเรา (ตรงข้ามกับอยู่ไทย) แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเห็นหิมะมากขึ้น
1/3 ของเส้นทางเป็นป่าและเขา แต่ยิ่งเดินไปต้นไม้ใหญ่จะมีให้เห็นน้อยลงจนเริ่มเหลือแค่ต้นไผ่ สุดท้ายคือเหลือเพียงทุ่งหญ้าโล่ง ลานก้อนหินรกร้างที่โดนน้ำจากเขา Annapurna พัดมา
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02670.jpg)
เราคุยกับเพื่อนว่า ถ้าพระเจ้าพึ่งสร้างโลก โลกที่พึ่งเกิดน่าจะให้ความรู้สึกประมาณนี้ ร้าง อ้างว้าง ไร้ชีวิต หรือพูดอีกอย่างคือวิวเหมือนวันสิ้นโลก (but technically ไอซ์แลนด์ใกล้เคียงโลกพึ่งเกิดมากสุด)
วันนี้เดินเหนื่อยลุยโคลนและทางชัน จาก Dovan ไป MBC จะมีความสูงเพิ่มขึ้นอีกพันเมตร แต่เริ่มเป็นช่วงที่ถ่ายรูปสนุกมากขึ้นเพราะวิวหาไม่ได้ในประเทศไทย ข้างทางเป็นดินบ้างโคลนบ้าง มีพุ่มไม้เล็ก ๆ โตปะปราย ตรงกลางเป็นทางหินกรวดที่เกิดจากน้ำหลากฤดูฝน
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-15.png)
จนเดินไปใกล้ถึงจุดพักของวันนี้ซึ่งคือ MBC พื้นดินทั้งหมดก็ไม่เหลือไม่เห็น กลายเป็นหิมะคลุมไปทั้งหมดแล้ว พอทำเนาได้ว่าอุณหภูมิใกล้ 0 องศา
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02739.jpg)
หลังจากเดินต่ออีกไม่นานก็ถึงที่พัก เป็นอีกครั้งที่รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นที่พักหลังเดินเท้ามา 6-7 ชั่วโมง และเป็นเรื่องโชคดีมากที่มาถึง ณ ตอนนั้นพอดี หลังจากถึงที่พักไม่ถึง 5 นาที หิมะและหมอกที่ไล่หลังมาตลอดก็เริ่มตกลงมา
ถ้าเดินช้ากว่านี้สัก 30 นาที เส้นทางน่าจะอันตรายมากขึ้นเพราะมีจุดเดินบนขอบหิมะที่อีกฝั่งเป็นแม่น้ำ ไม่มีใครอยากตกน้ำในพื้นที่อากาศ 0 องศาให้เป็น hypothermia เล่นแน่นอน
พอมาถึงที่พักเราขอไกด์อาบน้ำอุ่น แต่วันนี้ไกด์ไม่ให้เราอาบน้ำเพราะถ้าอาบน้ำอุ่นแต่ออกมาเจอเย็นจัด (ห้องอาบน้ำอยู่นอกห้องพัก) จะเสี่ยงให้ป่วยเพิ่มอีกคน เราเลยไม่อาบ
ที่พักที่นี่อยู่กลางทุ่งหิมะ แต่ไม่มีฮีทเตอร์หรือเตาไฟเหมือนที่พักด้านล่าง (ซึ่งอุ่นกว่า) ทุกคนเลยดื่มน้ำอุ่น แต่งตัวหนา ๆ มานั่งชิด ๆ ด้วยกันเป็นกลุ่มแทน เพื่อนเรียกมันว่า Penguin Colony
กินข้าวเสร็จก็เข้านอนเตรียมออกเดินทางวันสุดท้าย สู่ปลายทาง ABC
Day 9, Annapurna Base Camp - ABC (4200m)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02768.jpg)
ปลายทางวันนี้คือ Base camp ของยอดภูเขาในภาพ Annapurna I
Fun fact: Annapurna I Summit เป็นหนึ่งในยอดเขาที่อันตรายที่สุดในโลก อันตรายกว่า Everest Summit หลายเท่า โดยมีความสูงหนีไม่ห่างจาก Everest มาก 8,091m
รุ่งสางวันนี้ พี่ในกลุ่มเล่าในฟังว่ามีคนต่างชาติโวยวายเสียงดังตอนตีสี่กว่านอกที่พักว่าข้อเท้าพลิกต้องการกลับลงไป แต่ไม่สามารถเรียกเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยลงไปได้เพราะคิวเฮลิคอปเตอร์เต็ม สุดท้ายเหมือนคนนั้นต้องยอมทนเดินกลับลดระดับลงไปด้วยตัวเอง
ตื่นเช้ามาทานเช้า รับแดดให้อุ่น ใส่ crampons (หนามรองเท้าสำหรับเดินบนน้ำแข็ง) แล้วเริ่มเดินมุ่งหน้าไป ABC ซึ่งเส้นทางวันนี้ค่อนข้างสั้น ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่เป็นเส้นทางเดินบนหิมะที่กินแรงมากเพราะลื่นตลอดเวลา และต้องเดินระวังเพราะถึงแม้เดินอยู่บนพื้นหิมะตื้น ๆ แต่ถ้านอกเส้นทางไม่ถึงครึ่งเมตรก็ล่วงไปในหิมะสูงครึ่งตัวแล้ว
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02776.jpg)
ทางเดินเป็นลักษณะคล้ายหุบเขามุ่งหน้าตรงไปหน้า ABC และด้านหลังคือ MBC
ถึงแม้หิมะจะท่วมไปหมด แต่แดดก็แรงมากเช่นกัน ระหว่างเดินใส่เสื้อยืดตัวเดียวก็เอาอยู่แล้วเพราะร้อนมาก เหงื่อออกระหว่างเดินด้วย แต่เมื่อหยุดพักไม่ถึงห้านาที เหงื่อก็กลายเป็นน้ำเย็นเฉียบเหมือนโดนโยนน้ำแข็งใส่เสื้อสมัยเด็ก เลยต้องเดินต่อไปและหยุดพักหายใจไม่เกิน 2-3 นาที
crampons ก็ค่อนข้างเกะกะ เราโชคร้ายที่มันดันไปเกี่ยวรองเท้าอีกข้างของเราทำให้เท้าเราล็อคติดกันแล้วล้มทิ่มไปในหิมะ ตอนนั้นเราเดินทิ้งห่างจากเพื่อนเลยไม่มีคนช่วยแกะหนามให้ สภาพเราคือเหมือนคนโดนจับมัดขาเรียกค่าไถ่ ต้องนอนลงพลิกตัวแล้วพยายามคลายล็อคที่ติดที่รองเท้าด้วยตัวเอง
ระหว่างเดินคือต้องใส่แว่นกันแดดตลอดเวลา ถอดแว่นปุปเหมือนตาบอดเพราะพระอาทิตย์สว่างมาก หิมะก็สะท้อนแสงจนกลายเป็นพื้นที่ขาววิ้ง
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02788-2.jpg)
และสุดท้ายก็เดินมาถึงปลายทาง จุดถ่ายรูปที่เป็น a must
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-18.png)
สุดท้ายก็ต้องรีบถ่ายรูปแล้วเดินต่อเพื่อเข้าที่พักเพราะมีคนรอถ่ายต่อบวกกับอากาศหนาวเกิน
ระหว่างทางจากป้ายก่อนเข้าที่พัก เดินผ่านลานจอดเฮลิคอปเตอร์ซึ่งเป็นจุดรับส่งผู้โดยสารทั้งแบบฉุกเฉินและจ่ายเงินเอง และเป็นเฮลิคอปเตอร์ขนส่งของด้วย สำหรับคนอยากนั่งเฮลิคอปเตอร์กลับแบบคูล ๆ สนนราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาทต่อเที่ยว
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02835-2.jpg)
เมื่อไปถึง เพื่อนคนนึงก็ฟุบหลับไปเลย (ไม่ใช่คนเสื้อเหลืองในภาพด้านล่าง) มีอาการ AMS ทั้งที่กินยา Diamox มาแล้ว น่าจะเพราะอากาศตอนนี้น้อยกว่าที่ระดับน้ำทะเล 30% อาการคือไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ เวียนหัว ส่วนคนอื่น ๆ ที่มาถึงก็งีบหลับกัน
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/PXL_20240411_081248629.jpg)
สำหรับ AMS ร่างกายเราปรับตัวค่อนข้างดี ปกติเราเป็นคนหายใจช้าและเบาแต่ทุกคืนตั้งแต่ Dovan ขึ้นมาร่างกายเราหายใจแรงและลึกขึ้นแบบที่เราควบคุมไม่ได้ เดาว่าร่างกายพยายามดึงออกซิเจนเข้าให้ได้มากที่สุด
เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าโชคดีและไกด์เก่ง หลังจากเข้าที่พักไม่นาน หิมะเริ่มตก หมอกเริ่มตามมา ทัศนวิสัยบางช่วงมองได้ไกลไม่ถึง 5 เมตร และหิมะที่ตกมาเพิ่มยิ่งทำให้บ้านพักแต่ละหลังโดนหิมะกลบเพิ่มเข้าไปอีก
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-20.png)
อากาศตอนนี้ประมาณ 3-5 องศาแต่จะกลายเป็น -3 เมื่อตกดึกและไปถึง -7 ในบางจุด ถึงแม้จะฟังดูไม่เย็นมากเทียบกับเวลาเที่ยวต่างประเทศแต่ต้องอย่าลืมว่าทั้งหมดนี้คืออยู่แบบไม่มีฮีทเตอร์และน้ำร้อนใช้ ห้องน้ำตั้งอยู่ด้านนอกอาคาร ที่พักไม่ได้บุฉนวนกันความเย็น และน้ำร้อนสำหรับบริโภคสนนราคาที่ ~300 บาทต่อกระติก ซึ่งทุกคนก็ยอมซื้อเพราะไม่มีทางเลือกอื่น
ส่วนของวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้ ใช้เวลาทั้งวันที่เหลือนั่งคุยเล่น เล่นไพ่ ออกไปถ่ายวิว Annapurna Glazier ตอนเย็นก่อนกลับเข้าที่พักเพื่อเข้านอนเตรียมตื่นมาดูแสงอาทิตย์แรกของวันซึ่งเขาเรียกกันที่นี่ว่า The Golden Light
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02861.jpg)
Day 10, Bamboo (2810m)
เช้าวันนี้ทุกคนตื่นเช้าเพื่อไปดู The Golden Light ณ จุดชมวิว ซึ่งเป็นขอบหน้าผาที่คิดว่าถ้าตกลงไปเขาคงไม่เสียเงินมาเก็บศพแน่นอน ด้านล่างเป็นหุบเขาและธารน้ำแข็ง Annapurna โดยบางครั้งจะได้ยิงเสียงดินถล่ม เราเห็นดินถล่มรอบนึงระหว่างดูวิวเมื่อวาน
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-21.png)
The Golden Light เริ่มปรากฏเมื่อพระอาทิตย์ฉายแสงพาดผ่านเหนือยอดของ Machapuchare มากระทบกับยอดของ Annapurna I ทำให้ยอดภูเขาหิมะกลายสภาพเป็นยอดเขาสีทอง (วิวเหมือน Poon Hill แต่ใกล้กว่า)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02905.jpg)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC02899-Enhanced-NR.jpg)
ดูวิวเสร็จกลับมากินข้าว เก็บของเตรียมลดระดับลงไปที่หมู่บ้านปลายทาง Bamboo
ระหว่างทางเดินลงซึ่งเป็นเวลาประมาณ 8 โมง วิวทั้งภูเขาก็สวยขึ้นมากเทียบกับตอนขาเดินมาที่ ABC เพราะฟ้าโปร่ง แสงไม่แรงเกิน ยอมรับว่าถ่ายรูปเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ระหว่างเดินเรายอมทิ้งห่างจากเพื่อนในกลุ่มเพื่อยืนมองวิวเงียบ ๆ คนเดียว เดินเขาหิมะไม่เหมือนเดินป่าหนึ่งอย่าง คือ เมื่อหยุดเดินกลางหิมะ เสียงทุกอย่างจะเงียบสนิท ไม่มีเสียงสัตว์ ไม่มีเสียงลม หิมะดูดซับเสียงไปทั้งหมด จนรู้สึกเหมือนหูดับไปเลย เป็นความรู้สึกที่ทำให้คิดว่าทั้งภูเขานี้เหลือแค่เราคนเดียว
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC03021.jpg)
วันนี้เดินลงอย่างเดียว ไม่เหนื่อยแรงเรามากแต่เหนื่อยแรงพี่ในกลุ่มที่เป็นสิงห์ขาขึ้น แต่ปวดเข่าเวลาเดินลง สุดท้ายใช้เวลา 6 ชั่วโมงกว่าเดินถึงหมู่บ้านปลายทาง Bamboo
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-22.png)
ระหว่างเดินลงเราสักเกตเห็นว่าภูเขามีจุดตัดระหว่างพื้นที่หญ้าแห้งและพื้นที่สีเขียวชัดเจนมาก เลยถ่ายรูปเก็บไว้
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-26.png)
ถึงที่พักประมาณห้าโมง ที่พักวันนี้มีน้ำอุ่นให้อาบสบาย ๆ อากาศไม่หนาวจัดเท่าด้านบน จึงเป็นวันชิวระดับนึง สุดท้ายกินข้าวเย็น นั่งคุยเล่นและเข้านอน
Day 11, Jhinu Danda (1780m)
วันนี้กลุ่มเราก็เดินลดระดับลงมาที่หมู่บ้านสุดท้าย Jhinu Danda ก่อนขึ้นรถกลับเข้าเมืองในวันถัดไป สำหรับเพื่อนคนที่ป่วยก็ได้กลับออกจากภูเขาไปพักที่ Pokhara เรียบร้อย
วันนี้ทาง 90% เป็นการเดินลง แต่จะมีทางส่วนสุดท้ายที่ขึ้นสุดเพื่อข้ามภูเขาทั้งลูก ทางเดินขึ้นเป็นบันไดหินชุมชน เราไม่ได้นับแต่เดาว่ามันน่าจะเป็นพันกว่าขั้น ทำคน breakdown ระหว่างขึ้นได้เลย
วันนี้บังเอิญตรงกับวันขึ้นปีใหม่ไทย 13 เมษายนพอดี แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันคือวันปีใหม่ของเนปาลด้วยเช่นกัน ระหว่างทางเลยเจอชาวบ้านจัดซุ้มขายของ มีงานเทศกาลปะปราย
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC03079.jpg)
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จออกเดินทางต่อ วันนี้ฝนยังไม่วายเทลงมาส่งท้าย ถึงแม้ไม่หนักมากแต่ฝนตกระหว่างเดินลงก็ต้องคอยระวังลื่นเหมือนกัน ยิ่งเป็นทางชุมชนต้องเดินสวนกับลาขนของ กลัวลาถีบตกเขามาก
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-23.png)
ณ จุดนี้ก็ได้ประสบการณ์เพิ่ม คือ ต้องทำแผลกลางฝนเพราะรองเท้าเริ่มกัดเท้าเรามากขึ้น เราต้องหยุดเดินเพื่อเอาพลาสเตอร์มาปิดจุดที่โดนรองเท้ากัด
วันนี้ก็ยังมีความ salty อีกเช่นเคย สุดท้ายถึงที่พัก ที่พักไม่มีไฟฟ้าใช้ เขาบอกฝนตกบังโซล่าเซลล์ต้องรอไฟจากสถานีปั่นไฟ แต่สุดท้ายทั้งคืนก็ไม่มีไฟฟ้าใช้จนรุ่งเช้าวันถัดไป
อีกเรื่องคือเพื่อนไปขอน้ำร้อนจากที่พัก เจ้าของที่พักขายน้ำร้อนประมาณ 300 รูปี แต่เช้าวันถัดไปให้ฟรี ทุกคนเลยสงสัยว่าเพราะอะไร ป้าเขาขี้เกียจลุกมาต้มน้ำหรือเปล่า แต่คนเนปาลเป็นอย่างงี้หลายที่มาก เราไปขอน้ำจากโรงแรม เขาบอก 150 รูปี พอเราไม่เอา เขาก็ให้ฟรี (งง)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-24.png)
Day 12, Pokhara
วันนี้เรากับเพื่อนตื่นเช้าเดินลงเขาไปกับไกด์เพื่อแวะบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติกลางเขา ซึ่งใช้เวลาเดินไม่นาน 15 นาทีก็ถึงแล้ว
สภาพบ่อน้ำร้อนคือเหมือนเราไปแช่บ่อน้ำกลางไซต์ก่อสร้างกลางเขา แยกไม่ออกว่าอันไหนทำเสร็จแล้ว อันไหนยังก่อสร้างอยู่ แต่น้ำอุ่นสบายดี มี 4 บ่อให้แช่ ใส่กางเกงลงได้เลยเพราะเราทำงั้น ไม่มีกฏหรืออะไรบอกเพราะต่อให้มีก็หาไม่เจอ...
บ่อน้ำร้อนมีที่อาบน้ำด้วย เป็นท่อก่อสร้างต่อออกมาแล้วเราไปยืนอาบใต้นั้น (If it works, it works)
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-25.png)
แช่เสร็จ เดินกลับขึ้นมาอีก 30 นาที ทานข้าวเช้า เก็บของเตรียมเดินทางไปขึ้นรถ Jeep เพื่อกลับสู่ Pokhara
วันนี้ highlight คือการเดินข้ามสะพานแขวนยาว 300 กว่าเมตร ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปของทุกคน ไม่ใช่แค่คนที่เดินข้าม ลาและม้าก็เดินข้ามเส้นทางนี้ เราโชคร้ายหน่อยเดินตามตูดลา แต่มันไม่ได้ขี้ดักหน้าก็ถือว่าโอเค
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/DSC03091.jpg)
ข้ามสะพานแขวนไป เดินต่ออีกห้านาทีก็เห็นความเจริญ น้ำตาจะไหลที่ได้เห็นรถในรอบสิบกว่าวัน
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-27.png)
จากจุดนี้ คน 8 คนรวมไกด์นั่งรถ Jeep คันเดียวเดินทางต่ออีกชั่วโมงกว่าก็ออกจากภูเขาและถึงที่พัก โรงแรมเดิมที่ Pokhara และได้พบกับเพื่อนที่ป่วยไปต่อไม่ได้ที่โรงแรม สุดท้ายเพื่อนก็อาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่กลับลงมาจากภูเขา
ถึงที่พักก็เก็บกระเป๋าแล้วออกไปหาอะไรกินส่งท้ายวันสุดท้าย
Day 13, Kathmandu
วันนี้ออกจากโรงแรมเพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน Pokhara นั่งสายการบินเจ้าเดิม Yeti Airline กลับสู่ Kathmandu
วันนี้ดวงเหมือนจะซวยกับสายการบินตัวดี Yeti Airline เพราะเครื่องบินแอร์เสีย ฟีลเหมือนนั่งรถบัสร้อนสมัยมัธยมแต่มันเปิดกระจกไม่ได้ ยังดีที่ไฟล์ทใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงปลายทาง ไม่งั้นเป็นลมตายทั้งลำ
สุดท้ายถึง Katmandu ปลอดภัย ช่วงเย็นแวะกินข้าวและเดินช้อปปิ้งใน Thamel ส่งท้าย
Day 14, Bangkok
เช้าวันนี้ตื่นมาไปสนามบินนานาชาติ Kathmandu เพื่อเตรียมกลับประเทศไทย นั่งการบินไทยกลับ
อาหารการบินไทยอร่อยเช่นเคย อร่อยกว่าอาหารเนปาลมากมาย
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-28.png)
ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เครื่องลงแตะถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นการปิดภารกิจพิชิต Annapurna Base Camp เพียงเท่านี้
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/image-30.png)
สรุป
รวมระยะทางเดินทั้งหมดเกือบ 100 กิโลเมตรตลอดการเดินทาง 10 วัน เส้นทางไม่ยากแต่เน้นความทนทาน อย่าไปเชื่อเวลาคนบอกว่าง่าย (โดยเฉพาะคนเนปาล) เพราะเราเจอคนไทยยอมแพ้ระหว่างทางหลายคน เพื่อนเราเจอผู้หญิงฝรั่งร้องไห้ระหว่างทางเพราะเขาไม่ไหว
ด้วยงบประมาณ 70,000 บาท ไม่รวมค่าอุปกรณ์เดินป่า รู้สึก overprized ระดับนึง แต่ก็ไม่เสียใจที่ได้ไป แต่ไม่กลับไปซ้ำแน่นอน
![](https://blog.cloudian.in.th/content/images/2024/04/PXL_20240417_031205196.jpg)