Recap 2022: Year of Adventure

Recap 2022: Year of Adventure

กำลังจะจบปี 2022/2565 เราไม่เขียน New Year Resolution เพราะน่าเบื่อ+ทำไม่ได้ เลยมาเขียนรีแคปปีนี้แทนว่าทำอะไรไปบ้าง

ปีนี้ให้ชื่อว่าเป็นปีแห่งการผจญภัยเพราะลองสิ่งใหม่ ๆ หลายอย่างมาก ทั้งในแง่ท่องเที่ยวและชีวิตการงาน นับว่าเป็นปีที่สนุกและตื่นเต้นเหมือนกัน ตั้งแต่ต้นปีเราก็เริ่มด้วยการ...

ย้ายงาน

เราลาออกจากบริษัทเก่าซึ่งก็มองว่าเป็นบริษัทเทคฯสัญชาติไทยระดับต้น ๆ ในประเทศมาอยู่บริษัท Consult สายเทคโนโลยีแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกาแต่มีสาขาอยู่ในไทย

ทุกอย่างเปลี่ยนใหม่หมด เริ่มตั้งแต่ต้องพูดภาษาอังกฤษทุกวันเพราะย้ายมาบริษัทอินเตอร์ ทำงานกับคนต่างชาติหลากหลาย ทุกวันต้องร่วมงานกับคนอย่างน้อยสามถึงสี่สัญชาติ หลากหลายวัฒนธรรม(และสำเนียง) เราที่เป็นคนขี้กลัวการพูดภาษาอังกฤษก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน

สามเดือนแรกไม่กล้าพูดอะไรมาก ตอนนี้ครบปีก็กวนตีนเพื่อนร่วมงานเป็นภาษาอังกฤษแล้ว

อีกอย่างที่ต้องเปลี่ยนคือรูปแบบการทำงาน จากที่เราชอบอยู่คนเดียว นั่งทำงานคนเดียว เราต้องรับบทเป็น Consultant มาเจอผู้คนมากขึ้น ทำงานในรูปแบบทีมมากขึ้น ซึ่งก็เปลี่ยนลำบากเหมือนกันสำหรับคนไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนอื่น

ลองฝึกทำอาหารมากขึ้น

จากแต่เดิมทำอาหารเป็นแค่ไข่เจียว ข้าวผัดที่แค่พอกินได้ ปีนี้ก็พบว่าเราชอบทำอาหารมาก เริ่มลงทุนกับเครื่องครัวต่าง ๆ มากขึ้น เช่น หม้ออบลมร้อน, กระทะใหม่, ซอสต่าง ๆ

เราลองทำอาหารหลากหลายเมนู ก็มีเละบ้าง กินไม่ได้บ้าง ที่เอามาอวดก็คือคัดมาแต่ของดี ๆ จนเรามีเพื่อนคุยเรื่องทำอาหารมากขึ้น แล้วก็ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ เยอะดี

ระหว่างเรียนเรื่องอาหารก็พบว่าอาหารไม่ใช่แค่ของสวย ๆ หรือกินแค่อร่อยแต่ก็มีเรื่องของวัฒนธรรมอยู่ด้วย เวลาทำอาหารจะชอบพบว่าเมนูบางอย่างมันคล้าย ๆ กันในหลายประเทศแต่เปลี่ยนแค่ส่วนประกอบบางอย่าง ช่วงหลังมานี้จึงชอบออกไปหาร้านอาหารที่ต่างวัฒนธรรมมากขึ้นแทนที่จะสรรหาแต่ร้านแพง ๆ อย่างเดียว

ช่วงปลายปีเป็นครั้งแรกที่ทดลองอบขนม เช่น คุ้กกี้ ตอนนี้เริ่มติดใจและพบว่าครัวเราก็ทำเบเกอรี่ได้ ปีหน้าจึงวางแผนว่าจะลองอบขนมปังเองบ้างละ

รวมภาพอาหารที่ลองทำในปีนี้

Sky Dive

ตั้งแต่ปีที่แล้วที่ลองกิจกรรมผาดโผนอย่างเช่น Scuba Diving ปีนี้เราก็ลองกิจกรรมผาดโผนเพิ่มเติมเช่นกัน

ช่วงต้นปีเราไปลองกิจกรรมที่อยากลองมาตั้งแต่เด็กคือดิ่งผสุธาที่เขาใหญ่ นับว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตมากที่ได้ Free Fall จากความสูงเหนือเมฆลงมาสู่พื้นดิน ตอนกระโดดเสียวเหมือนลำไส้ร่วงไม่ทันตัวเรา แบบวื้บ ๆ

ถามว่าแพงไหม แพง! แต่ถ้ามีโอกาสก็จะไปกระโดดอีกเพราะครั้งที่แล้วเราไม่ได้จ้างช่างกล้องกระโดดตามลงมาถ่ายรูป พอเห็นเพื่อนมีก็อยากได้บ้างเลย

เบลอหน้าเพื่อนเพราะเรารัก PDPA

ปีนผาเทียม

บริษัทใหม่ที่ย้ายไปมีชมรมต่าง ๆ ให้ลองเข้า หลังจากเข้ามาสักระยะก็พบว่ามีชมรมปีนผาเทียม ส่วนตัวเราชอบปีนผาเทียมแต่เด็กแต่ไม่เคยไปลองปีนในสถานที่ปีนผาเทียมแบบจริงจังเลย จึงลองเข้าชมรมไปปีนร่วมกับเพื่อนร่วมงาน

ปีนครั้งนึงก็หมดเกินครึ่งพัน ถือว่าแพงเหมือนกันเลยไปปีนแค่เดือนละครั้งเพราะบริษัทมีงบให้สามร้อยบาทต่อเดือนต่อคน

พอได้ลองปีนผาจริงจังก็พบว่าเหนื่อยและสนุกดีเหมือนกัน ชอบที่ได้กระโดดลงมาแล้วเครื่อง Belay มันดึงตัวเราไว้ เหมือนได้ Free Fall สักวินึง

หนึ่งสิ่งที่พบจากกีฬานี้คือ ครึ่งนึงของคนปีนผาดำน้ำไม่ก็เดินป่า เหมือนกีฬาดำน้ำลึก เดินป่า ปีนผา เป็นสามกีฬาแพ็ครวมสำหรับคนชอบการผจญภัย รอบล่าสุดไปปีนผาก็เจอนักเดินเขา ไปเดินหิมาลัยมาแล้ว ดำน้ำแถวอินโดมาแล้ว ก็เจ๋งดีเหมือนกัน

เดินป่า

ตั้งแต่เด็กเราชอบธรรมชาติมาก เราอยากไปเดินป่า สมัยเด็กก็ได้เดินป่าแบบสั้น ๆ 2-3 ชั่วโมงแล้วจบ แต่ก็อยากลองเดินป่าเขาแบบข้ามคืนเหมือนกัน จำพวกที่เดินเข้าป่าไปกางเต้นท์อย่างงั้น

โชคดีที่พี่ในบริษัทเก่าเป็นนักเดินป่า เขาชวนไปเดินเลยตอบตกลงไป

ทริปแรกที่ไปเป็นเปรโต๊ะ-ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น ซึ่งรู้สึกว่าทรหดมาก ระหว่างเดินขึ้นยอดมะม่วงก็ถามตัวเองตลอดทางว่าเรามาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่นอนโรงแรมสบาย ๆ แต่ความจริงก็สนุกมากนะ ได้เดินบนยอดเขา กลางป่า ลุยลำธาร ลุยโคลนงี้

ฉันมาทำอะไรที่นี่

ทริปล่าสุด คือ ม่อนจอง ซึ่งโดนขายไว้ว่าง่ายมาก เดินชิว แต่เหมือนเพราะเราไม่ได้ออกกำลังกายมาเดือนกว่าเพราะต้องเข้าโรงพยาบาลและเรื่องผ่าตัด กลายเป็นรู้สึกเหนื่อยกว่าที่คิดไว้เยอะมาก แถมอากาศก็หนาวมาก ๆ เช่นเดียวกัน แต่วิวอลังการหมื่นล้านมาก เพื่อนบางคนทักถามตอนลงคลิปว่านี่ประเทศไทยหรอ

ให้กลับไปเดินอีกรอบก็อยากไปนะ

เราทำเลสิกแล้ว!

ท้ายที่สุด เราทำเลสิกแล้ว!

เป็นความกลัวมาสักพักแล้วว่า ณ วันนึงที่เราไปอยู่ต่างประเทศ ไม่มีคนรู้จักอยู่ช่วยเหลือรอบตัว แว่นเราแตกหรือพังขึ้นมาเราจะทำยังไง

สายตาเราสั้นมาก ๆ ในระดับที่นั่งทำงานบนโต๊ะทำงานแล้วถอดแว่นวางไว้ เรามองไม่เห็นแว่นนั้นแล้วถ้าไม่เอาหน้าไปจ่อใกล้ ๆ โต๊ะ

ความจริงแล้วเราสั้นมากในระดับที่แว่นไม่สามารถแก้ค่าสายตาให้กลับมาอยู่ในระดับปกติได้โดยที่แว่นไม่ทำเราปวดหัว ครั้งนึงที่ไปตรวจสายตาระหว่างใส่แว่น หมอถึงกับต้องถามว่าใส่แว่นนี่แล้วมองเห็นหรอ เราก็ได้แต่ขำแห้ง ๆ บอกว่าก็พอใช้ชีวิตได้อ่ะครับ

นอกจากนี้หลัง ๆ มาพบว่ากิจกรรมเราผจญภัยมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่เห็นในบล็อคนี้ การต้องใส่แว่นทำให้ใช้ชีวิตลำบาก เช่น เดินป่ากลางหมอกแต่มองไม่เห็นทางเพราะหมอกเป็นไอน้ำเกาะแว่นตลอดทาง เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมด

ปีนี้เลยตัดสินใจเด็ดขาดทำเลสิค (จริง ๆ ทำ RelexSmile แต่ขอเรียกง่าย ๆ ว่าเลสิคเพื่อประโยชน์ของการเขียนบล็อค) ซึ่งจริง ๆ ก็วางแผนมาตั้งแต่ปีที่แล้วและเริ่มตรวจไปตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่พึ่งมาผ่าจริงช่วงปลายปีนี้เอง

ตอนนี้เราก็ไม่ใส่แว่นแล้วนะ!

สรุป

ปีนี้ก็เป็นปีที่สนุกดี มีเรื่องน่าปวดหัวบ้างบางครั้งแต่จำไม่ค่อยได้ เป็นคนไม่ค่อยเก็บปัญหามาคิดมากเท่าไหร่ ปีหน้าก็คงได้ไปเจอโลกกว้างอีกเยอะ และจะได้กลับไปเที่ยวต่างประเทศแล้วด้วย!