ดินแดนนรกภูมิ นามว่าเขาชนไก่ (ภาค 1)
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะอาจใส่สีตีไข่เพิ่มอีก 20-50% จากเรื่องจริง
I've been to hell and back, and back to hell…and back.
ขอฝากให้กับเขาชนไก่ และการใส่ชุดรด.ครั้งสุดท้าย แล้วจะไม่มีวันกลับไปอีกแน่นอน
วันนี้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558
สำหรับหลายๆคนอาจจะเป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ แต่สำหรับผม มันเป็นเหมือนวันที่ผมพึ่งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย
เพราะอะไร?
นั้นก็เพราะเมื่อวานหรือ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นวันที่ผมพึ่งกลับมาจากค่ายรด.เขาชนไก่ ปี 3 นั้นเอง รู้สึกได้เลยว่าตัวเองรอดแล้ว
และแน่นอน เราต้องมาเขียนเล่าเรื่องราวแห่งนรกภูมิครับ (ฮา)
ในครั้งนี้ผมจะเล่าเป็นภาคๆไปนะครับ แบ่งเป็นห้าภาคห้าวัน จะได้ง่ายต่อการอ่าน งั้นเรามาเริ่มกันตั้งแต่วันแรกเลยละกัน
- วันที่หนึ่ง 9 กุมภาพันธ์ 2558 -
วันนี้พวกเราก็ตื่นกันตั้งแต่ตีห้าเพื่อเตรียมจัดเก็บของและลงหอประมาณเกือบๆหกโมง รถก็ออกประมาณหกโมงกว่าๆ
การเดินทางก็มีแวะร้านค้าเพื่อกินข้าวเช้านิดหน่อย และแวะเพื่อฟังทหารเล่าประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ เพราะกาญจนบุรีบริเวณเขาชนไก่นี่เป็นทางที่พม่าจะชอบยกทัพเข้ามากัน
ไม่นานนักเราก็ถึงที่หมายสุดเลิฟ เขาชนไก่นั้นเองงงงงงงง
ก็เปิดมาก็งงกันก่อนเลย คือว่า พอไปถึงเต้นท์พวกเราก็ลงไปเพื่อจะยกกระเป๋าลงกัน แต่โดนไล่ขึ้นรถ เพราะรถจะเคลื่อนไปอีกนิด พอรถจอดสนิทเราก็ลงไปยกกระเป๋าอีกแล้วก็โดนไล่ แล้วก็โดนเรียกให้ลงมายกกระเป๋าอีกแล้วก็โดนไล่ขึ้นไปอีก สรุปคือ ทหารเขาต้องการให้เราลงไปแค่บางส่วนเพื่อยกกกระเป๋าเป้ลงไปที่เต้นท์ครับ...
ทำไมอธิบายเป็นประโยคเคลียร์ๆเลยไม่ได้ก็ไม่รู้
วางกระเป๋าเสร็จก็โดนไล่ขึ้นรถต่อแล้วเดินทางไปสู่สถานีฝึกแรก นั้คือสถายิงปืน
เมื่อลงจากรถเขาก็ให้นั่งเรียงๆกันก่อนเพื่อเช็คชื่อ เรียกตามหมายเลขโรงเรียน ฟังคร่าวๆก็มีโรงเรียน เตรียมพัฒฯ, เตรียมน้อม, จุฬาภรณ์ปทุม, ไชยฉิมพลี, นานาชาติไทย-จีน นี่คือเท่าที่จำได้ ซึ่งผลัดที่พวกเราอยู่นั้นคือ ผลัด 32
แล้วก็เรียกจัดหมวดและกองร้อย ซึ่งผมได้อยู่ในร้อยสามหมวดหนึ่ง ซึ่งขอบอกว่าโชคดีมาก เพราะแทบไม่โดนซ่อมเลยตลอดห้าวันกองร้อยนี้ ทั้งๆที่ร้อยสองเปิดมาวันแรกนาทีแรกก็โดนหมอบทันที
เมื่อแบ่งสังกัดกันเรียบร้อย ก็เรียกไปกินข้าว ซึ่งการกินข้าวครั้งนี้มันไม่ธรรมดาแน่นอน
เนื่องจากคนส่วนใหญ่นั้นเก็บช้อนไว้ที่กระเป๋ากัน ซึ่งมันอยู่ที่เต้นท์ ทำให้ถึงเวลาต้องใช้สมองอันน้อยนิดของเราประยุกต์ของรอบตัวเป็นช้อนละครับ
ผม.. คือ ผมไม่รู้จะใช้อะไรจริงๆแล้ว ผมต้องยอมเอามือดำๆเปิปข้าวกิน จังหวะนั้นลืมคิดถึงเรื่องล้างมือไปเลย ผมใช้กระบวนท่านิดหน่อย มือเปิปสลับกันท่าหมาสไตล์ เอาหน้ามุดลงถาด แล้วพยายามใช้ลิ้นกับริมฝีปากตะครุบข้าวเข้าปาก ส่วนน้ำซุปก็ยกซดตามสไตล์เจแปนนิสสส แล้วก็ใช้ช้อนเพื่อนกินรอบวง (รอบวงนี่คือห้าคน ก็ห้าปากนั้นแหละครับ ใครเป็นอีโบล่าก็ตายยกวง)
โดยรวมวันนั้นเราก็จะเห็นหลายๆคนมีวิธีของตัวเอง ผมอาจจะแย่สุดละ เพื่อนบางคนก็ดูดีหน่อย เอาถุงมาคลุมมือและจกกินอย่างสะอาดศิวิไลซ์ ถ้าฉลาดหน่อยอย่างเพื่อนผมหลายๆคน เขาก็ซื้อกระป๋องสปอนเซอร์มา กินน้ำให้หมด แล้วบิดให้กระป๋องขาดแล้วพับกินเป็นช้อน (ไฮโซสุดเท่าที่ผมเห็นละ)
ผ่านการกินข้าวหฤหรรษเสร็จก็ปล่อยว่างให้ซื้อของกัน
กลางทะเลทรายมีโอเอซิสฉันใด กลางเขาชนไก่ก็มีช็อปฉันนั้น (ผมแทนร้านค้าด้วยคำว่าช็อป เรียกตามเพื่อนที่มันติด Dota)
ตามเสียงเล่าอ้างนั้นแหละครับ ใครรวยกว่าก็สบายกว่า ตามฉบับทุนนิยมทหารสไตล์
ช็อปกลางป่ามีขายทุกอย่างเพื่อดับร้อน น้ำเปล่า น้ำส้ม สปอนเซอร์ เอส และยังมีโดนัท (ทำไมไม่ขายช้อน) ตรงข้ามช็อปป่าก็มีร้านขายชานมไข่มุกด้วย ไอโซกว่าที่โรงเรียนผมอีก
กินเสร็จอิ่มขี้มือตัวเองกันไปก็เรียกรวมซะ
เรียกรวมกันเข้าร่ม เขาก็อธิบายกันเรื่องสถานียิงปืน ไม่นานนักทหารก็ใช้จังหวะที่เด็กเริ่มเคลิ้มเนี่ย ขายตรงซะ!
ขายอะไรครับ ขายที่อุดหูไงครับ
แต่อันนี้ไม่ค่อยอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่ไม่มีกัน และมันก็จำเป็นมาก (เสียงปืนมันจะดัง) แพ็กละสามสิบบาท ทุกคนก็โดนมนต์สะกดต้องซื้อตามๆกันไป
//คือถ้าไม่ซื้อก็น่าจะโดนหมอบ ไม่ก็คลานประมาณนี้
ซื้อเสร็จก็สอนกันต่อ โดยปืนที่พวกเราได้ใช้ฝึกคือ M16A1 (อ่านว่า เอ็มสิบหกเอหนึ่ง) อธิบายการใช้และการบรรจุกระสุน โดยวันแรกเราจะยังไม่ได้ยิงกัน เริ่มยิงจริงวันพรุ่งนี้ แต่ก็ฝึกเหมือนมีกระสุนจริงนะ
จบการฝึก ไม่มีอะไร นั่งชมวิว ตากลมเย็นๆแล้วก็กลับ
ตอนกลับครับ เราเดินกลับ คือแบบ... ตอนมามันดูแปปเดียวใกล้ๆนะ ตอนกลับนี่ระยะทางเพิ่มขึ้นมาอีก 2.4464 เท่าทันที พร้อมกับกิ๊ฟวอยเชอร์พิเศษ มหากาฬฝุ่น
เดินไป หายใจไป ก็รับประทานฝุ่นกันด้วย ชิลๆ ตามสไตล์ Chonkai Mountain Villa Resort
เดินขึ้นลงเนินหลายรอบกว่าจะถึง ระยะทางคาดคะเนน่าจะประมาณกิโลกว่าๆถึงสองกิโล
เมื่อถึงเขาก็เรียกรวมทันที (ขอพักแปปได้ไหมมมมม) อธิบายนู่นนี่ การอยู่รวมกัน แล้วก็ปล่อยกินข้าวอาบน้ำ
ใครกินข้าวหลวงก็ได้ ไม่กินก็ได้ แน่นอน ผมไม่กิน เลยเดินไปกินที่ช็อปหลังกองพัน ซึ่งก็มีหลายร้านมาก ตั้งแต่ร้านขายของทั่วไปที่ขายทุกอย่าง ย้ำว่าทุกอย่างจริงๆ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ยันกระติกน้ำและถุงนอน
ร้านอาหารก็หลากหลาย อร่อยพอได้ ร้านตามสั่ง ร้านข้าวแกงและข้าวมันไก่ รวมถึงร้านสุดพิเศษ ไก่ย่างแดง (ขอเรียกว่าไก่แดง)
ใครมาเขาชนไก่แล้วไม่กินไก่แดงนี่คือมาไม่ถึงพูดเลย ไก่แดงนี่อร่อยไหมไม่รู้ แต่เดาว่าในนั้นน่าจะมีกัญชา!
ทำไมรู้ไหมครับ เพราะเมื่อคุณกินไก่แดงเสร็จไม่ถึงสิบนาที คุณจะรู้สึกโหยหามันอีกครั้ง เสพติดสุดๆ
ส่วนร้านสุดท้ายที่ผมอึ้งเลย เพราะพึ่งเจอครั้งแรกคือร้านอะไรรู้ไหมครับ? มันคือร้านเติมเงินและรับชาร์ตโทรศัพท์
ไฮโซ เลิศเลอ เพอร์เฟ็ก ศิวิไลซ์เซชั่นมากกกก
แต่ไม่ได้ใช้บริการ เพราะเอาโทรศัพท์สุดอึดอย่าง Nokia ไป (ฮา)
ส่วนเรื่องอาบน้ำวันแรกผมยังไม่รู้ เพราะ ไม่อาบ ทำไม? ก็ขี้เกียจ แล้วก็เหงื่อออกไม่เยอะด้วย พอตกเย็นมันก็อากาศสบายๆแล้ว เหงื่อเลยหายไปหมดเลย
สักพักก็โดนเรียกรวมก่อนนอนอีกครั้งครับ แล้วก็พูดนู่นนี่ไปเรื่อย ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ไม่นานก็ต้องสนใจ... ขายตรงรอบสอง
รอบนี้ขายอะไร แน่นอน ทหารนี่ต้องมีแต่ของดีๆอยู่แล้ว รอบที่แล้วขายที่อุดหู รอบนี้เขาขายแพ็กเกจมหัสจรรย์ครับ
เสื้อซับใน ผ้าพันคอซึ่งประโยชน์คือไว้ปิดปาก สายกุญแจรด. ถุงก๊อปแก๊ปใหญ่สองถุง และยากันยุงอภิมหาHandMade สองขวดปริมาณยังไม่เท่ากันเลย...
สามอย่างนี้ทางเราขอขายในราคาปกติ 100฿ แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณมาซื้อกันในเขาชนไก่ เราขอมอบสิทธิพิเศษให้คุณ สามอย่างรับไปเลยในราคา 150฿
อย่าแปลกใจครับ ทำไมแพงขึ้น จำแค่ว่าในอยู่ในโลก ทุนนิยมทหาร พอครับ
แน่นอนแค่คุณเห็นหน้าทหารถือถุงและของเหล่านั้นคุณก็อยากซื้อซะจนเงินในมือสั่นทันที เพราะถ้าคุณไม่ซื้อ คุณก็อาจจะได้อย่างอื่นแทน...
(อันนี้ไม่รู้มีคนไม่ซื้อหรือเปล่านะ อยารู้ลองๆถามกันเอาเอง แต่ยอมรับว่าเสื้อสวยดี)
ซื้อเสร็จเก็บเงินเสร็จก็ไม่มีอะไรละ เข้านอน
แต่เนื่องจากผลัดผมเนี่ย คนมันเยอะมากหกร้อยกว่าคนแหนะ ก็เลยต้องนอนเต้นท์ละสามคน แต่ผมโชคดี ได้นอนเต้นท์ละสองคนกับเพื่อน
คืนแรกไม่มีอะไร ผมก็เก็บของ เคลียร์เต้นท์ แล้วนอน
ผมมีแต่ถุงนอน ส่วนหมอนคงไม่มีใครแบกไป คืนแรกก็เลยลองเอาเสื้อรด.เป็นหมอน ซึ่งขอบอกว่าแย่มาก เพราะเช้าวันต่อมาปวดปวดคอระดับสุดยอดมาก ไม่แนะนำให้ใช้จริงๆ
คืนนั้นอากาศเย็นจนหนาวครับ ถือว่าดี เพราะไม่ชอบร้อน
ยุงไม่มีด้วย สงสัยเป็นเพราะยากันยุงรด. ศักดิ์สิทธิ์มากครับ ยังไม่ได้ฉีดแค่พกติดตัว ยุงก็ไม่เข้าหาคุณละ
วันแรกก็พยายามรีบนอนเพราะต้องเก็บแรงไว้ สุดท้ายก็กล่าวราตรีสวัสดิ์กันไปครับ
- จบวันที่หนึ่ง -
วันแรกก็จบไป ต้องขอบอกว่านี่เป็นแค่ออเดิร์ฟครับ มันเลยดูสบายๆไม่มีอะไร เพราะของจริงจะเริ่มจากวันพรุ่งนี้ครับ ซึ่งวันที่หนักจริงๆก็จะเริ่มจากวันที่สามครับ
ส่วนสำหรับคนที่อยากรู้เรื่องจ่านรกก็จะเจอกันได้ในภาคสี่ครับ หรือก็คือวันที่สี่นั้นเอง
สำหรับภาคแรกก็ขอจบกันไปก่อนเพียงเท่านี้ครับ โปรดรอภาคต่อไปกันด้วย