ดินแดนนรกภูมิ นามว่าเขาชนไก่ (ภาค 4)

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะอาจใส่สีตีไข่เพิ่มอีก 20-50% จากเรื่องจริง

หายไปเนิ่นนานต้องกราบขอโทษงามๆสักสามครั้ง เพื่อนหลายก็ก็หาว่าอู้ คือ ผมไม่ได้อู้นะครับ แต่พอดีสัปดาห์ที่ผ่านมาติดสอบปลายภาคอยู่ แล้วก็งานปัจฉิมอีก เลยเป็นสัปดาห์ที่วุ่นวายพอสมควรเลย และอีกอุปสรรคคือ... ติด Dota 2 ครับ นี่จริงจังนะ พอดีมันกิจกรรมมาไง เลยต้องรีบ (ฮา)

มาเขียนต่อเลย แต่สำหรับพาร์ทนี้แนะนำว่าให้อ่านหลังกินข้าวนะครับ เพราะมันมีอะไรแหยะๆด้วย

- วันที่สี่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 -

วันที่สี่ ก็ตื่นประมาณ 3.40 นาฬิกา อันที่จริงครูฝึกให้ตื่นตีสี่ แต่กลัวมันไม่ทันไง รองเท้าก็ใส่ยาก เก็บของอีก เลยต้องตื่นก่อน

ตื่นมาเคลียร์ตัวเอง ก็ไปรวมกองพันเตรียมเดินทางต่อ อ่าาาาห์ วันนี้วันที่สี่ละ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านแล้ว ดีใจๆ แต่อย่างที่รู้กัน วันนี้เขาบอกว่ามันเป็นวันที่หนักที่สุดละ เพราะคุณจะเจอกับเซเลบลิตี้ประจำเขาชนไก่ จ่านรก นั้นเอง

รวมกองพันเสร็จก็เดินไปสถานีของจ่านรกต่อ ทางเดินมืดๆเหมือนเดิม มองซ้ายมองขวาคือไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ไหน หลงทีแบบตายแน่ๆ ตายแน่นอน

แต่เช้าวันนี้มันไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ เพราะดันมีปรากฎการณ์ธรรมชาติเกิดขึ้นนั้นก็คือ ผมปวดอึครับ หรือเรียกบ้านๆก็ปวดขี่นั้นแหละครับ อั้นมาสามวันละ กะว่าจะกลับไปอึที่บ้านไง กลายเป็นต้องเดินไปอั้นไป แบบทรมารมาก พูดเลยว่าจ่านรกจะมาทำอะไรผม ผมว่าก็คงไม่ทรมารเท่ากับการอั้นอึขณะเดินทางละ

เดินไปเรื่อยๆ สำหรับคนอื่นๆมันก็คงเหมือนเดิมนะ แต่สำหรับผมมันคือนรกชั้นดีกับการต้องต่อสู้กับข้าศึกที่ประชิดประตูอย่างเต็มกำลัง

ระหว่างเดินไปเรื่อยๆผมก็เริ่มสังเกตเห็นว่าทางซ้ายมีผมมันเป็นทุ่งโล่งๆ แบบโล่งมาก ยาวและกว้างด้วย เลยเริ่มเอะใจละ ใกล้ถึงแล้วแน่ๆ และใช่ครับ มันก็ถึงละ

เมื่อถึงสถานีจ่านรก (สถานี 33 มั้ง) เขาก็นับพล เรียกวางกระเป๋าและเตรียมช้อนกับถาดเพื่อกินข้าว ผมก็เดินไปรับข้าว แล้วไปนั่งกินกับเพื่อน แต่คือถึงแม้จะนั่งกินข้าวแต่ข้าศึกก็ไม่ลดละที่่จะทลายประตูทวาร

วันนั้นเป็นซุปไก่ หรือต้มจืดไก้ ผมไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรลืมชื่อ ที่มันมีน่องไก่ มันฝรั่ง อะไรพวกนี้อะ เออ แต่อีกอย่างจำไม่ได้ แต่ตอนที่กินมันฝรั่งนี่ผมแทบอ้วก ไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อยนะ แต่คือเหมือนมันอั้นอึแล้วมันแบบ ตอนนี้ไม่อยากรับอะไรเพิ่มเข้าท้องอีกแล้ว กินไปนี่เกือบอ้วกต้องรีบคายออก แต่แปลก กินอย่างอื่นได้ปกติ

กินเสร็จก็ล้างจาน แต่จังหวะนั้นคือที่สุดของชีวิตละ ไม่ไหวจริงๆแล้ว ผมรีบๆล้าง แต่กะละมังที่เป็นน้ำยาล้างจานมันช้ามาก ผมเลยช่างมันละ คิดในใจจานไม่สะอาดไม่เป็นไรตอนนี้ขอแค่อึไม่ราดกางเกงพอ ผมเลยข้ามไปเอาถาดจุ่มๆน้ำแล้วล้างน้ำร้อนวิ่งกลับไปที่กระเป๋าจะเอาถาดไปเก็บ

แต่คิดหรอว่าจะทำได้ ไม่ครับ ตอนนั้นแค่ให้วิ่งไปเก็บถาดยังแทบจะไม่ไหวเลย แล้วแบบมองไม่เห็นด้วยว่ากระเป๋าวางไว้ตรงไหน มืดมาก ผมเลยต้องใช้มิตรภาพเข้าช่วย ฝากถาด!

จังหวะนั้นต้องขอขอบคุณเพื่อนจากโรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ เห็นจะได้ ผมฝากถาดเขาแล้วบอกว่า "เห้ย ฝากถาดหน่อย พอดีเราปวดท้องไม่ไหวแล้วจริงๆ" แล้วเขาก็ไม่ถามอะไรก็บอกได้ๆ โหยยย ผมรักเพื่อนคนนี้เลย

ฝากถาดเสร็จจังหวะนั้นคือห้องน้ำอยู่ไหน ซึ่งแน่นอนครับ ห้องน้ำตามสถานีนี่มันแย่มาก จังหวะที่วิ่งไปห้องน้ำภาพแย่ๆของห้องน้ำมันสลับไปมาในหัวอารมณ์หนังแนวดรามาดาร์คๆ แต่ตอนนั้นแบบ เออแบบไหนก็มาเถอะ

วิ่งไปถึงห้องน้ำ ห้องน้ำที่เขาชนไก่เป็นแบบสังกะสีโง่ๆ ถ้าคุณยืนมันจะปิดได้แค่ถึงบริเวณหน้าท้องคุณ (ผมสูง 163 เซนติเมตร) และประตูที่ล็อกไม่ได้

ห้องน้ำมีสองฝั่ง ซ้ายกับขวา ผมวิ่งเข้าซ้าย พอเห็นห้องน้ำปุ๊ปนี่แทบอ้วก ห้องแรกแบบ ทุกอย่างจากนรกมันกองอยู่ตรงโถลามไปถึงที่เหยียบอะ แต่จังหวะนั้นยังมืด เลยไม่เห็นรายละเอียดมาก อันที่จริงก็ไม่อยากเห็น

ผมเลยวิ่งไปอีกห้อง ห้องนี้มันก็มีเศษสากวัฒนธรรมโบราณอยู่ในโถอะ (โถแบบนั่งยองนะ) แต่ยังดีคือมันไม่โกงถึงที่เหยียบ จังหวะนั้นแบบ ผม! ไม่! ไหว! แล้วจริงๆ!

เข้าเลยครับ ถอดกางเกงนั่งยองๆ แล้วเอามือดึงประตูห้องน้ำไว้ ไม่กล้าดึงแรงมาก กลัวมันหลุดเข้ามา

จังหวะนั้นคุณต้องใช้เทคนิคโลกสวย การมโนขั้นสูงสุดของคุณ เงยหน้ามองดาวบนท้องฟ้าแล้วมโนว่า ใต้ตูดคุณมันไม่มีอะไร มันมีแค่น้ำ มันไม่มีมีอึกองโตนอนรออยู่ (อันที่จริงก็เกือบอ้วก) แต่กลิ่นต่างๆมันก็เตะจมูกคุณขึ้นมา คุณก็ต้องหายใจทางปากสลับจมูกไป อันนี้แล้วแต่เทคนิค

จังหวะนั้นผมกำให้กางเกงในติดแน่นกับกางเกงเลย กลัวมันเละมาก กลัวสุดขีด ถ้าเละไม่รู้จะทำไงแล้ว

สวรรค์วิมารก็มา ปู้ดป้าด! กันระดับออร์เครสต้า แล้วมีวงโยธวาธิตมาเล่นข้างๆ

รู้เลยว่าผมนี่ต่อยอดความสำเร็จของคนก่อนแน่ จังหวะนั้นภาวนาแค่อย่าให้มันล้นจนมาโดนตูดผมก็พอ

พอถ่ายเสร็จ วิมารดินก็ผ่านไป กลับมาสู่นรกกับความจริงแปป

คือเมื่อกี้ผมวิ่งมาด้วยความรีบ แล้วก็ปกติไม่ได้เข้าห้องน้ำรด.อยู่แล้ว เลยไม่ได้พกของสำคัญมาด้วย

"กระดาษทิษชู่"

.... นี่มันเป็นความอัปยศสูงสุดของชีวิตผมเลยก็ว่าได้ จังหวะนั้นไม่กลัวความอับอายในชีวิตอีกละ ผมตะโกนออกไป "เห้ยย! ใครมีทิษชู่บ้าง ขอหน่อย" มันก็มมีคนนึงนะ ตะโกนกลับมา "กูก็ไม่มีเหมือนกัน" อ้าว!?

ถ้าคุณเคยดูหนังแนวภัยภิบัติมันจะมีฉากที่ผู้ประสบภัยนอนอยู่ใต้ซากปรักหักพังตะโกนขอความช่วยเหลือใช่ไหมครับ นั้นแหละผมเลย "ใครมีทิษชู่บ้าง" ผมตะโกนวนไปวนมาเรื่อยๆ แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาอีกเลย

กลายเป็นเรื่องเศร้าปนแค้นยามเช้า ไม่มีทิษชู่เช็ดตูด และไม่มีใครเหลียวมอง ตอนนั้นมันกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการตัดสินสูงสุดของชีวิตล่ะว่าคุณจะเสียสละอะไร ผ้าเช็ดหน้า หรือ กางเกงใน

พูดเลยชีวิตผมไม่เคยลงมาต่ำสุดขนาดนี้มาก่อน นึกถึงกระทู้พันทิปกระทู้นึงที่มีคนบอกว่ามันเอาทะเบียบบ้านเช็ดตูดเลยจริงๆ

ตอนนั้นก็กลายเป็นเวลาแห่งนักปราชญ์ (หลายอารมณ์มากตอนนั้น โกรธ มีความสุข เศร้า การตัดสินแห่งชีวิต) ผมควรเอาอะไรเช็ดก้น นั่งคิดว่า เออ เรามีกางเกงในเยอะนะ เราน่าจะเอามาเช็ดได้ แต่เดี๋ยวครับ กางเกงในติดอยู่ที่ขา เอาออกมาไม่ได้

นั้นแหละครับ มันเหลือทางเลือกเดียว ผ้าเช็ดหน้า ผมก็คิดละ เออ ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามาห้าผืน แต่นี้ใช้แค่ไม่กี่ผื่น เหลือเฟือ งั้นเอาผ้าเช็ดหน้าละกัน

กลายเป็น "ช่วงที่ดีที่สุด" ตัดสินพร้อมน้ำตา ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าข้าง แต่แบบต้องพยายามอย่าให้ขาตัวเองเลื่อนมาก เดี๋ยวโดนอึที่กองอยู่

ถ้าคุณคิดว่ามันจบแล้ว? ไม่ครับ คือตอนที่ผมเริ่มเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดก้นเนี่ย มันรู้สึกว่ายังไม่สะอาด ต้องการเช็ดอีกรอบ พอเงยผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา มันติดคราบมาด้วยอะครับ แบบร้องไห้ได้ไหม แล้วจะพลิกด้านหรอ ไม่ได้สิ มือเลอะอึพอดี ไม่รู้ไงละ เลยพยายามกลับด้านผ้าเช็ดหน้าแล้วเช็ดซ้ำ

แต่ที่ตื่นเต้นคืออะไรรู้ไหมครับ เราไม่รู้ว่ากองอีที่นอนสงบใต้ก้นเรามันสูงแค่ไหน ผมนี่ภาวนาอย่างหนักเลย ขออย่าให้มือไปปาดยอดทองคำนะๆๆๆๆ แต่สุดท้ายก็ไม่โดน

เสร็จ! ลุกขึ้นดึงกางเกง แต่งตัวนิดหน่อยแล้วเนียนๆเดินออกไป เสมือนว่าเมื่อกี้เราไม่ได้ไปเยี่ยมนรกมา เดินไปกวักน้ำล้างมือ

จังหวะนั้นล้างมือหนักมากแบบ มือผมนี่ต้องไม่มีเชื้อโรคแม้แต่ตัวเดียวติดไปแน่นอน ล้างนานมากจนมั่นใจอะ แล้วเดินออกไป

แต่แปป ผมลืมไปอย่าง ผมลืมราดน้ำ แต่คือขอโทษด้วยจริงๆครับ ขอโทษคนที่มาใช้ห้องน้ำต่อจากผมด้วยมาก คือ ผมไม่รู้มันเอาถังน้ำมาราดจากไหน ผมคิดว่าอึแล้วไม่ต้องราด (ดูเป็นความคิดที่โง่มาก เพราะหาถังไม่เจอ) ผมเลยเดินออกมาเลย พึ่งมารู้อีกทีตอนเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง

โอ้ยยย เป็นจุดต่ำสุดของชีวิตเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่เกิดมา 18 ปีไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ก็ดีครับ หลังจากนั้นคือแบบโล่งเลย คิดในใจ จ่านรกหรอ จัดมาให้หมด รับได้ทุกอย่างอะตอนนี้

ผ่านพ้นนรกมาได้ ทุกอย่างในโลกก็ดูแจ่มใส เดินไปคุยเล่นกับเพื่อนสบายละครับ

สว่างละ ก็เรียกรวมเหมือนเดิม ก็ระเบียบแถวนิดหน่อย ไม่นานก็ได้ยินเสียงช็อปเปอร์ มอเตอร์ไซค์อะ ขับมา โหหห แถบจะเป็นเสียงสัญญาณเลยว่า จ่านรกมาแล้ว แต่ตอนนี้เห็นบอกว่าเลื่อนเป็นหมวด ก็เลยเรียกว่า หมวดนรก แทน

ตอนที่จ่านรกมาทุกคนที่มองเป็นสายตาเดียวกันเลย ครูฝึกก็เดินลงไปจากแท่น แล้วจ่านรกก็ขึ้นมาแทน รูปร่างอ้วนใหญ่ ก็เหมือนคนอื่นๆ พูดระเบียบ แนะนำตัว แต่เขาบอก เขาไม่ใช่จ่านรก ซึ่งพูดไปก็ไม่มีใครสน เพราะเอกลักษณ์ขนาดนี้มันจ่านรกแน่นอน (เพื่อนบอกว่าเขาจะชอบเปิดตัวโดยบอกว่าเขาไม่ใช่จ่านรก)

เปิดมาเจอคนดังขนาดนี้ การต้อนรับย่อมไม่ธรรมดา เห็นครูฝึกเขาเรียกกันว่าการรับน้อง เปิดมาเจอเลยครับหมอบ คลาน กลิ้ง วิดพื้น หงายท้อง ทุกกระบวนท่าที่เคยเรียนมาแต่ปีหนึ่งถูกใช้หมดในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง นี่มันอะไรกัน...

แต่ที่โหดคือตอนคลาน จากจุดที่ผมนั่งรวม มองตรงไปจะเห็นทุ่งสนามฝึก กับต้นไม้ ห่างประมาณเกือบร้อยเมตรมั้ง เขาให้พวกผมคลานไปพร้อมปืน แบบจังหวะนั้น เสื้อหลุด แว่นเละ ตัวเลอะเทะมาก ฝุ่นแถวนี้ละเอียดมากครับ ต้องปิดปากขณะคลานเลย ไม่งั้นสำลักแน่ๆ

คลานไปสักพักเหมือนจะไม่ทันใจ เปลี่ยนเป็นสั่งกลิ้ง จังหวะนั้นก็เข้าใจเลยโลกหมุนคืออะไร แบบมันหมุนจริงๆ

แล้ววิดพื้นนี่ก็เป็นอะไรที่ใช่เล่น อันที่จริงมันก็เล่นๆจริงๆนั้นแหละ เริ่มจากวิดพื้นหนึ่งครั้ง แล้วก็สองครั้ง แล้วก็สามครั้ง สี่ ห้าครั้ง ไปเรื่อยๆ ตอนแรกพวกผมก็จริงจังกันนะ ขึ้นสุดลงสุด ไปๆมาๆ พี่แกเอาฮานี่ว่า เท่านั้นแหละครับ เข่าติดพื้น โยกแต่หัวขึ้นลง โอ้เย้ นึกว่าฟังเพลงร็อก

นั้แหละครับรับน้อง เสื้อผ้ากางเกงนี่เละเลย กลายเป็นชุดรด.สีเขียวน้ำตาล

แต่เรื่องดีๆในฐานนี้ก็มีนะครับ คือจ่านรกบอกว่า ฐานนี้โหดสุดก็จริงนะ แต่ได้พักนานสุด ซึ่งก็ตามนั้นแหละครับ พักนานจริง

โดยหลังจากโดนรับน้องเป็นที่เรียบร้อยก็แบ่งสาย โดยแบ่งเป็นฝ่ายรับและเข้าตี ผมได้อยู่ฝ่ายตั้งรับในตอนเช้า พอจัดกองเสร็จก็เดินไปจุดตั้งรับ โชคดีมากที่ผลัดผมคนมันเยอะ ป้อมของฝ่ายตั้งรับเลยไม่พอสำหรับทุกคน ซึ่งบางส่วนก็ไม่ต้องฝึก แค่นั่งดู และโชคนั้นก็ตกมาที่ผม พวกผมโชคดีได้สิทธิ์พิเศษจากสวรรค์นั่งดูเพื่อนโรงเรียนอื่นทำการซ้อมรบกัน ดีมากครับ สบายเลย

สักพักเหมือนครูฝึกเริ่มเบื่อขี้หน้าพวกผมมั้ง เขาเลยจะปล่อยพัก แบบ ห๊ะนั่งเฉยๆแล้วปล่อยพัก สุดยอดดีอะ เขาก็เลยปล่อยไปพักซื้อน้ำกัน แบบขอบคุณครูฝึกผู้น่ารักมาก

เจอไปนึกว่าจะหาร้านน้ำไม่เจอ เพราะคุยกันว่าคงไม่น่ามีร้านน้ำในที่แบบนี้ แต่ผิดคาด ร้านเล็กๆตั้งหลบหลังต้นไม้ ยิ่งกว่าช็อบลับกลางป่าใน dota

ก็นั้นแหละครับ ชิวมากๆ นั่งเล่นพักสองชั่วโมง กินน้ำตามใจชอบ สบายที่สุดละ ซึ่งอันที่จริงก็พักไม่ถึงสองชั่วโมง แต่อย่างน้อยก็มากกว่าที่เจอมา

พักเสร็จก็รวม ปล่อยกลับ สรุปครับ ช่วงเช้าสุดยอดอภิมหาสบายสุดๆ

เที่ยงแล้ว เร็วเหมือนโกหก ได้ข่าวนรกเวลาต้องเดินช้าๆ กินข้าวแล้วครับ มื้อข้าวเที่ยงวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นปกติสุข ไม่มีอาการปวดท้องระดับข้าศึกทะลวงประตูแบบเมื่อเช้า เลยสบาย นั่งกินกันเรื่อยๆ พักนานไงครับ

กินเสร็จก็เดินไปซื้อน้ำ นั่งคุยเล่น แหม่ ชีวิตรด.วันนี้มันดีจริงๆ แต่อย่าพึ่งวางใจ มันมีปริศนาซ่อนอยู่ในเหตุการณ์วันชิวๆอย่างนี้นะครับ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของนรกในช่วงบ่าย....

คือเพื่อนผมที่โดนไปเป็นฝ่ายบุกนะ มันกลับมาด้วยสภาพเปียกน้ำทั้งตัว พร้อมเละดินแหยะๆเต็มตัวเลย ประมาณโดนแช่น้ำ แล้วคลุกชุบดิน (แต่ไม่เอาลงไปทอด) แล้วหน้าก็เละไปด้วยโคลน ผมนี่สยองเลย แถมเพื่อนพวกนั้นมันเดินมาหาพวกผมแล้วก็บอกแค่ว่า "มึงโดนแน่ช่วงบ่าย" แล้วก็หัวเราะจากไป แบบ.. ซวยแน่เลย

และแน่นอน นรกแห่งนี้ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง

- จบวันที่สี่ (ครึ่งแรก) -

ขออภัยที่ต้องตัดจบครึ่งวันนะครับ เพราะดูแล้ววันที่สี่เนื้อหารายละเอียดเยอะมาก คือเหตุการณ์มันเยอะจริงๆ เลยต้องแบ่งเป็นสองส่วน (อันที่จริงคือขี้เกียจเขียน) โดน 4.5 เดี๋ยวจะมาเขียนต่อนะครับ

ขอขอบคุณทุกคนที่ยังตามอยู่ ทั้งๆที่คนเขียนก็ขี้เกียจขนาดหนัก (ติด Dota2)

ป.ล. ผมอยู่หนึ่งในภาพนี้ ก็ลองๆหาดูก็ได้